กรมขนส่งทางราง ดึงเอกชนร่วมลงทุนเดินรถทางราง หนุนขนส่ง 16.8 ล้านตัน

กรมขนส่งทางราง ดึงเอกชนร่วมลงทุนเดินรถทางราง หนุนขนส่ง 16.8 ล้านตัน

กรมการขนส่งทางรางเปิดเวทีรับฟังความเห็น เตรียมดึงเอกชนร่วมลงทุนเดินรถทางราง หวังลดต้นทุนการขนส่ง ดันเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนขนส่งทางราง 16.8 ล้านตัน ภายในปี 2565

วันนี้ (10 ก.ย.63)  เวลา  10.00 น. กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการระบบราง โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธาน พร้อมด้วยนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มนักลงทุน สมาคมการค้า เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง ให้เป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ โดยการใช้ประโยชน์การขนส่งทางรางให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีการขนส่งทางราง 10.5 ล้านตันต่อปี ให้เพิ่มขึ้น 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้มีการใช้โครงข่ายทางรางอย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการเดินทางและขนส่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

โดยแนวทางหนึ่ง ซึ่งสามารถเพิ่มสัดส่วนการขนส่งและการเดินทาง คือ การเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าในประเทศและระหว่างประเทศอย่างสูงสุด

159972575428

ทั้งนี้ ต้องมีการวางแผน มีการกำกับดูแล และพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ของการให้บริการอย่างชัดเจนและเหมาะสม ในการกำกับการใช้ประโยชน์ราง และกฎระเบียบเพื่อการรองรับการขนส่งทางราง ในเส้นทางหลักของประเทศและระหว่างประเทศ จึงมอบหมายให้ ขร. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลระบบขนส่งทางรางทั่วประเทศ ดำเนินการศึกษาการกำกับการใช้ประโยชน์รางและจัดทำกฏระเบียบ เพื่อรองรับการขนส่งทางรางเส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์รางให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กล่าวว่า การให้บริการด้วยระบบรางที่ผ่านมาจากอดีตถึงปัจจุบันในบางเส้นทางยังใช้ได้ไม่เต็มศักยภาพ ดังนั้น จึงควรเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน โดยนอกจากการจัดหาเวลาเพื่อให้เอกชนมาร่วมให้บริการระบบรางแล้ว ภาครัฐยังต้องมีการออกกฎระเบียบต่างๆ เพื่อมารองรับแนวคิดดังกล่าว

โดยเบื้องต้น ขร. ได้ดำเนินการศึกษารวบรวมข้อมูลสำหรับการกำกับดูแลกิจการรถไฟทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อจัดทำกฎระเบียบรองรับการขนส่ง การกำกับการใช้ประโยชน์รางเพื่อการเดินรถในเส้นทางหลักของประเทศและระหว่างประเทศ การพัฒนาการใช้ประโยชน์จากรางและมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคขนส่งหันมาสนใจเพิ่มการขนส่งทางรถไฟ ส่งผลให้การขนส่งทางรถไฟเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีการขนส่งทางรถไฟเพิ่มขึ้นเป็น 16.8 ล้านตัน สอดคล้องตามนโยบายการเพิ่มการขนส่งทางราง 30% ใน 3 ปีข้างหน้า

รวมทั้งจัดทำมาตรการ กฏหมาย และข้อเสนอแนะ สำหรับการจัดทำความตกลงด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ และประโยชน์ของการสนับสนุนภาคเอกชนให้เป็นผู้ร่วมบริการเดินรถ เพื่อส่งเสริมให้เกิดใช้ระบบรางอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดการแข่งขันในการให้บริการที่จะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการต่อไป

  159972577866

สำหรับแนวทางการศึกษารูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมบริการเดินรถนั้น จะเป็นการให้ภาคเอกชนเลือกเวลาที่นอกเหนือจากการให้บริการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มาบริหารจัดการโดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนเอง ส่วน ร.ฟ.ท.จะได้ค่าเช่าใช้ทางจากภาคเอกชน โดยขั้นตอนแนวทางการให้เอกชนร่วมเดินรถ เริ่มจากภาคเอกชนผู้สนใจ สามารถยื่นข้อเสนอขอใช้ราง ต่อ ร.ฟ.ท. จากนั้น ร.ฟ.ท. จะพิจารณาความเหมาะสมของตารางการเดินรถ/แผนธุรกิจแล้ว จึงเปิดประมูล Time Slot ให้เข้าใช้ทาง หรือ ดำเนินการแบบไม่ใช้วิธีประมูลกับผู้ยื่นข้อเสนอ 

ทั้งนี้ ขร. และ ร.ฟ.ท. จะร่วมกำหนดแนวทางหรือเส้นทางที่มีความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมในการเข้าใช้ทางที่มีภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ ทั้งการโดยสารและการขนส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยลดภาระด้านงบประมาณของภาครัฐ อีกทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนได้ใช้ความสามารถและประสบการณ์ในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศ