"Property" Sector (10 ก.ย.63)

"Property" Sector (10 ก.ย.63)

การเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นหลังเงียบมาหลายเดือน

แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯยังอ่อนแอ แต่เราเห็น sentiment ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัวขึ้นในสิงหาคม หลังผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์ยังดูดซับได้ สะท้อนที่ take-up rate ที่ทรงตัว เราคงมุมมอง เป็นกลาง สำหรับกลุ่มอสังหาฯ โดยให้ LH เป็นหุ้นเด่น ทั้งนี้ยังเชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวช้า และกลุ่มโครงการแนวราบจะมีผลงานที่ดีกว่าโครงการคอนโดมิเนียมในเมือง อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากภาครัฐอาจช่วยเพิ่มความต้องการระยะสั้นและช่วยบรรเทาวัฏจักรขาลงของตลาดอสังหาฯ

 

กิจกรรมการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นหลังเน้นระบายของเก่ามาหลายเดือน

Agency for Real Estate Affairs (AREA) รายงานว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้เปิดตัวหน่วยอยู่อาศัยใหม่ 10,265 หน่วยในสิงหาคม ซึ่งถือสูงกว่าค่าเฉลี่ย 4,000-5,000 หน่วยสำหรับแปดเดือนที่ผ่านมา โดยประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียม 4,621 หน่วย (+136% mom / +36% yoy) และแนวราว 5,644 หน่วย (+61% mom / +23% yoy) ทั้งนี้รายงานได้แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยแนวราบโดยเฉพาะในตลาดแมส (

 

ความต้องการยังดูดซับหน่วยขายได้ดีแม้ว่าจำนวนหน่วยขายจะเพิ่มขึ้น

แม้ว่าจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดยังสามารถดูดซับได้ดีโดยมี take-up rate ที่ 23% ในสิงหาคมเทียบกับ 24% ในเดือนที่ผ่านมาและ 22% ในแง่ YTD โครงการแนวราบมี take-up rate ที่ระดับ 17% ในขณะที่คอนโดมิเนียมอยู่ที่ 30% ในตลาด mass (Bt10mn ต่อหน่วย) จากข้อมูลได้ชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในมีนาคมที่ take-up rate ระดับ 13% แต่การฟื้นตัวยังเป็นอย่างค่อนข้างช้าโดยเฉพาะเมื่อการฟื้นตัวรอบนี้ถูกขับเคลื่อนจากจากโครงการแนวราบเป็นหลัก

 

คงมุมมอง “เป็นกลาง”, คาดว่าการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ

เราคงมุมมองเป็นกลางสำหรับกลุ่มอสังหาฯ และเลือก LH เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม เราเชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่คาดว่าการฟื้นตัวจะเป็นไปแบบช้าและไม่ได้ดีทุก segment กิจกรรมในตลาดอสังหาฯจะยังคงเงียบเหงาอย่างน้อยจนถึง 4Q20 และโครงการแนวราบจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคอนโดมิเนียมในเมือง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความต้องการที่พื้นที่อาศัยส่วนตัวมากขึ้น