'อนุชา' ขอช่วยกันแก้ปัญหา เดินสู่ประชาธิปไตย

'อนุชา' ขอช่วยกันแก้ปัญหา เดินสู่ประชาธิปไตย

"อนุชา" อยากเห็นสภาศักดิ์สิทธิ์ เรียกร้อง ส.ส. ช่วยกันแก้ปัญหา เดินสู่ประชาธิปไตยที่เอื้อให้กับคนไทยทุกคน

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 63 ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมือง นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ในฐานะรัฐมนตรี หรือในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อยากจะฝากถึงสมาชิกสภาฯ ทุกท่าน ที่กำลังอภิปรายทั่วไปฯ เกี่ยวกับเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมือง ตนเองเคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาเป็นเวลาทั้งหมด 10 กว่าปี ไม่เคยกระทำการสิ่งใดฝ่าฝืนกฎหมายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคิดว่า เพื่อนสมาชิกของผมรักในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกับผม หากว่า พวกเราคิดว่าสิ่งที่ตอบโต้ โต้แย้งซึ่งกันและกัน ที่พวกเราผ่านวิกฤติการเมืองมาในหลายๆครั้ง ทราบกันดีว่า เกิดอะไรขึ้น ในฐานะสมาชิกรัฐสภา เรารักสภาแห่งนี้ เราคิดว่า เราจะดำรงสภาแห่งนี้เพื่อเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชน

เพราะฉะนั้น บางสิ่งบางอย่าง ถ้าเราคิดว่า เราอยากเห็นสภาของเราศักดิ์สิทธิ์ เราอยากเห็นสภาของเราแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ อยากเรียกร้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้หยุดคิดกันสักนิด และหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาในสภาฯ ร่วมกัน

ทั้งนี้ ตนเองเห็นนายกรัฐมนตรี และได้ทำงานร่วมกับนายกฯ นายกฯไม่เคยตำหนิติติงผู้ที่ออกมาเรียกร้อง ไม่ว่า จะเป็นนิสิต นักศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่า นิสิต นักศึกษาเหล่านั้นเปรียบเสมือนลูกหลาน และส่วนตัวก็ขอรับรองว่า จะยืนยันเคียงข้างเพื่อไม่ให้เกิดพิษภัยกับลูกหลานไทยที่เป็นนิสิต นักศึกษา และจะต่อต้านในสิ่งที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขา ไม่ต้องการ และไม่อยากเห็นความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้น และอยากจะเห็นพวกเราที่เป็น ส.ส. ระงับสิ่งนั้น ถ้าหากท่านเห็นว่า มันจะเกิดขึ้น ซึ่งหากพวกเราช่วยระงับได้ประชาธิปไตยของเรามันถึงจะเกิดขึ้นครับ

นายอนุชา ชี้แจงว่า 4 ปีเลือกตั้งครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ 4 ปี พวกเรามาทำลาย แล้วก็บอกว่า นักการเมืองแย่ นักการเมืองใช้ไม่ได้ พวกเราอยากกลับไปอยู่อย่างนั้นอีกหรอ แต่ถ้าพวกเราใช้สภาฯ แห่งนี้ ค่อย ๆ พูด ค่อยๆ คุย ค่อย ๆ แก้ปัญหากัน เชื่อว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจะแก้ไขปัญหาได้ พวกเราต้องช่วยกันแก้ไขวิกฤติทางการเมืองในทางที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ตนเองมีความจริงใจต่อสภาฯ รักสภาฯ จริงๆ ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมา 10 กว่าปี ตลอดเวลาได้อดทน เพราะอยากเห็นประชาธิปไตยอย่างที่พวกเราต้องการ ไม่อยากกลับไปสู่วังวนเดิม ในฐานะ ส.ส. พวกเรารักประชาชน รักประเทศชาติ และยังอยากเห็นนายกรัฐมนตรีอยู่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศร่วมกับพวกเราทุกคน เพื่อที่จะเดินทางไปสู่ระบบประชาธิปไตย ที่พวกเราฝันไว้ และเป็นประชาธิปไตยที่เอื้อให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ