บ.ยักษ์ใหญ่จีนกำไรพุ่ง ย้ำศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน

บ.ยักษ์ใหญ่จีนกำไรพุ่ง ย้ำศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน

ท่ามกลางภาวะอึมครึมทางเศรษฐกิจโลก เพราะผลพวงจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บริษัทต่างๆแทบหมดหวังที่จะทำรายได้ เหมือนก่อนช่วงโควิด-19ระบาด ล่าสุด เว็บไซต์นิกเคอิ ได้เผยแพร่รายงานจัดอันดับบริษัทชั้นนำทั้งระดับโลกและในภูมิภาค

บริษัทจีนทำกำไรพุ่ง43% เป็นจ่าฝูงนำรายได้บริษัทในเอเชียฟื้นตัว ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ถือเป็นการเปลี่ยนศูนย์กลางมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกจากตะวันตกมาเป็นตะวันออก หรือภูมิภาคเอเชีย

ในช่วงไตรมาสล่าสุด บริษัทจีนมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 43% จากปีก่อนหน้านี้ จากผลประกอบการและรายได้ที่ดีเกินคาดของบริษัทชั้นนำจีน201 แห่งและบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทให้บริการทางการเงินในเอเชีย ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าตัวเลขโดยเฉลี่ยของเอเชียที่ 34%

บริษัทจีนที่มีรายได้และกำไรพุ่งในไตรมาสล่าสุดเกิดจากสองเหตุผลคือ การระบาดของโรคโควิด-19 กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรมของประเทศ ทำให้บรรดายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ทำรายได้สูงสุด ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่งเริ่มส่งผล จะเห็นว่าภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคต่างๆกลับมามีรายได้อีกครั้ง

การจัดอันดับของนิกเคอิ บ่งชี้ว่า บริษัทจีนที่มีผลประกอบการดีที่สุดมีจำนวน 129 แห่งจากบริษัทในเอเชียทั้งหมด 201 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของจำนวนบริษัทโดยรวม ซึ่งนโยบายที่ให้คนอยู่บ้าน เลี่ยงการออกมาอยู่ในแหล่งชุมชน ถือเป็นผลดีแก่บริษัทอี-คอมเมิร์ซใหญ่สุดของจีนอย่างอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง ซึ่งมีกำไรสุทธิรายไตรมาสอยู่ที่ 6.71 พันล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับแอพพลิเคชันแชทและผู้พัฒนาเกมอย่างเทนเซนต์ โฮลดิงส์ ที่รายงานรายได้ที่ 4.67 พันล้านดอลลาร์

ผลสำรวจล่าสุดของนิกเคอิ ระบุว่า บริษัทจีนปีนี้บริษัทจีนติด7ใน10แห่งบริษัทที่มีผลประกอบการดีที่สุดในเอเชียมากกว่าปีที่แล้ว ส่วนเจดีดอทคอมก็มีอันดับดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปีนี้ นิกเคอิ จัดอันดับบริษัท 15,700 แห่งจาก15ประเทศในเอเชีย รวมทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ญี่ปุ่นและอินเดีย พิจารณาจากกำไรสุทธิรายไตรมาสในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้จัดหาข้อมูลของรายงานจัดอันดับครั้งนี้คือ ควิก แฟคเซ็ท ในช่วงระยะเวลา3เดือนสิ้นสุดปลายเดือนพ.ค. มิ.ย.และก.ค.

ส่วนซอฟต์แบงก์ กรุ๊ปของญี่ปุ่นติดอันดับต้นๆในการจัดอันดับครั้งนี้เช่นกัน แม้ว่าผลกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากการขายหุ้นเมื่อไม่นานมานี้ของบริษัทโฮลดิงด้านเทคโนโลยีก็ตาม ขณะที่อินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ของจีน รั้งที่2 ตามมาด้วยแบงก์ ออฟ ไชนา ธนาคารขนาดใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แต่ภาวะขาลงทางเศรษฐกิจก็ฉุดรายได้ของธนาคารชั้นนำของจีนด้วยเหมือนกันทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อาลีบาบา มีกำไรรายไตรมาสอยู่ที่ 6.7 พันล้านดอลลาร์ ทำให้กลุ่มบริษัทอี-คอมเมิร์ซรายนี้ไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ4ในกลุ่มบริษัทจากประเทศเอเชียจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว ส่วนเจดีดอทคอม เว็บไซต์ขายสินค้าทางออนไลน์ใหญ่สุดอันดับสองของจีน อยู่อันดับที่12 จากอันดับที่ 610 เมื่อปีที่แล้ว ด้านเทนเซนต์ โฮลดิงส์ ผู้ให้บริการเกมและแอพฯแชท ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 7 จากอันดับ 11 ตามมาด้วยบริษัทพัฒนาเกมอย่างเน็ตอีสต์ ที่อันดับดีขึ้นเช่นกัน และกุ้ยโจว เหมาไถ บริษัทผลิตและจำหน่ายสุราเก่าแก่ของจีน ไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 26 จากอันดับ 38

ขณะที่คิงซอฟต์ ซึ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ในที่ทำงาน มีอันดับดีขึ้นจากอันดับ 17,774 เมื่อปีที่แล้วเป็นอันดับที่ 28 แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะบริษัทจีนเท่านั้นที่มีอันดับดีขึ้น บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 9 จากอันดับที่ 22 ส่วนบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ ผู้ผลิตชิพสัญชาติเกาหลีใต้ อยู่อันดับที่ 33 จากอันดับ 112 เมื่อปีที่แล้ว อานิสงส์ความต้องการจากศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยีสื่อสาร5จี ที่ช่วยให้รายได้ของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รีไลแอนซ์ อินดัสตรีส์ กลุ่มบริษัทอินเดีย ติดอันดับ 16 เพราะรายได้และผลประกอบการจากธุรกิจสื่อสารขยายตัว ส่วนทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของอินเดียยังคงอันดับที่ 39

ในญี่ปุ่น มาตรการให้ประชาชนอยู่บ้าน ช่วยให้รายได้ของบริษัทผู้ให้บริการเกมอย่างโซนี และนินเทนโดเพิ่มขึ้น และทำให้ทั้ง2บริษัทอันดับดีขึ้นอยู่ที่อันดับ 13 และ 35 ตามลำดับ ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการซื้อรถยนต์ที่หดตัวลง ทำให้อันดับของโตโยต้า มอเตอร์ร่วงลงมาอยู่ที่ 23 จากอันดับที่ 7

ส่วนอันดับในระดับโลก เบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ หน่วยงานด้านการลงทุนของมหาเศรษฐีใจบุญวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นบริษัทที่มีกำไรรายไตรมาสสูงสุด ส่วนอาลีบาบา ติดอันดับที่ 9 ทีเอสเอ็มซี ติดอันดับ 23 และเจดีดอทคอมติดอันดับที่ 41