กองทุนเชียร์ซื้อ ‘หุ้นเทคฯ’ ฟันธง ‘แนสแด็ก’ พักฐานช่วงสั้น

กองทุนเชียร์ซื้อ ‘หุ้นเทคฯ’  ฟันธง ‘แนสแด็ก’ พักฐานช่วงสั้น

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้น "แนสแด็ก" ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีความผันผวนรุนแรง จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม FAAMG (Facebook, Apple, Amazon, Microsoft และ Alphabet (Google))

หลังจากที่ราคาหุ้นเหล่านี้ปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า โดยขยับขึ้นมากว่า 22% ถึง 84%  

...แรงขายทำกำไรในรอบนี้ ทำให้เกิดคำถามว่า “หุ้นเทคฯ” หรือ หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จบรอบแล้วใช่หรือไม่?

โดยความเห็นของ “ผู้จัดการกองทุน” ส่วนใหญ่มีมุมมองคล้ายกันว่า หุ้นเทคฯ ถือเป็น “เมกะเทรนด์” เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นอาจขึ้นร้อนแรงไปบ้าง จากความคาดหวังผลดำเนินงานในอนาคต การลงทุนจึงมีความเสี่ยงรออยู่ แต่ในช่วงที่ราคาหุ้นปรับลดลงแรงก็ถือเป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปลงทุน

“ณัฏฐะ มหัทธนา” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM มองว่า ถ้านักลงทุนเชื่อว่า ธุรกิจใด “เก่ง” น่าจะสร้างกระแสเงินสดในอนาคตได้ยาวนาน หรือมีโอกาสเติบโตสูงมาก อย่างหุ้นเทคฯ (แม้กว่าจะเห็นผลก็อีกหลายปีข้างหน้า) มูลค่าเหมาะสมของหุ้นตัวนั้นก็อาจจะสูงจนเข้าใกล้ค่าอนันต์ หรือ INFINITY ได้ในทางทฤษฎี ดังนั้นความถูกหรือแพงของมูลค่าหุ้นนั้นจึงไม่มีความหมาย

เมื่อ “ตลาดหุ้นแนสแด็ก อยู่บนความคาดหวังใน หุ้นเทคฯ จึงไม่มีทางรู้ว่าราคาจะขึ้นหรือลงเท่าไหร่ในอนาคต แต่เราเลือกใช้คำแรง “ของมันต้องขึ้น” เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นในตรรกะที่ชี้นำการตัดสินใจเน้นและย้ำความสำคัญที่เป็นโอกาสของการลงทุน

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในกองทุนหุ้นเติบโตสูงที่เน้น “กลุ่มเทคฯ” เพื่อเปิดโอกาสสร้างกำไรให้สมศักยภาพและลดความเสี่ยง คือ 

1. เฉลี่ยราคาซื้อ แบ่งเงินหลายๆ ก้อนแล้วทยอยเข้าลงทุนเพื่อลดการเสียโอกาสจากนิสัย “รีรอ” ไม่กล้าลงทุน 

2. ทยอยขายทำกำไรบางส่วนออกมาเรื่อยๆ เช่น ครั้งละ 5% เพื่อหลีกเลี่ยงการขายตามอารมณ์เมื่อตลาดผันผวน

3. ถือยาว คงเงินส่วนที่เป็นต้นทุนเอาไว้ในกองฯ (รวมกับกำไรส่วนที่ขายไม่หมด) เพื่อรับโอกาสเติบโตระยะยาว

ด้าน “นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส” รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์หรือ SCBAM มองว่า ระยะถัดไปการอัดฉีดสภาพคล่องของเฟดและความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะยังคงความหวังหนุนให้ตลาดหุ้นแนสแด็กปรับตัวขึ้นได้ โดยหุ้นกลุ่มเทคฯ จะยังเป็นกลุ่มนำตลาด

สาเหตุเพราะหุ้นกลุ่มนี้ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งทางการตลาด เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เป็นเร่งการพึ่งพาการใช้เทคโนโลยี เช่น การลงทุนในธุรกิจ Cloud, การโฆษณาผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์ และการใช้จ่ายผ่าน E-Commerce เป็นต้น ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงกว่าตลาดหุ้นโดยรวมในระยะถัดไป ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับราคาหุ้น

ดังนั้นนักลงทุนที่ลงทุนมาแล้วก่อนหน้านี้ยังคงแนะนำให้ถือลงทุนต่อ สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มเทคฯ ได้ปรับขึ้นมาพอสมควร แนะนำให้ทยอยสะสมเมื่อราคาหุ้นย่อตัว

“ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์กองทุน ประจำประเทศไทย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ(ประเทศไทย) มองว่า การลงทุนในกองทุนหุ้นเทคฯ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นกลุ่มอื่นเพราะมีการลงทุนที่กระจุกตัวในอุตสาหกรรมหนึ่ง ในขณะที่กองทุนหุ้นกลุ่มอื่น เช่น หุ้นโลก (Global Equity)จะมีการกระจายความเสี่ยงไปที่หลายธุรกิจมากกว่า อีกทั้งผลตอบแทนกองทุนกลุ่มนี้มีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว แนะนำว่า นักลงทุนจึงควรรับทราบความเสี่ยงและพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ทั้งนี้ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ(ประเทศไทย) รายงานมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนหุ้นเทคโนโลยีมี ทั้งสิ้น 29,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ส.ค.2563) โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากสิ้นปี 2562 ที่ 12,000 ล้านบาท 

การเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินนี้มาจาก 2 ส่วน คือ 1. ปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิของปีนี้ที่สูงกว่าในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ โดยรอบ 7 เดือนมีเงินไหลเข้าสุทธิรวม 11,000 ล้านบาท และ 2.ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 29.6% ซึ่งใกล้เคียงกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นแนสแด็กที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้