ร้องคุมเข้มเข้า-ออกชายแดนระนอง ทำสัตว์น้ำในพื้นที่เริ่มขาดแคลน

ชาวบ้านจ.ระนอง ร้องมาตรการคุมเข้มเข้า-ออกชายแดน ทำสัตว์น้ำในพื้นที่เริ่มขาดแคลน เนื่องจากไม่สามารถนำขึ้นฝั่งได้

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 63 นางสุภาวดี ชูเชิด ชาวบ้านบ้านหินช้าง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง กล่าวว่า จากการที่ทางจังหวัดระนองได้ประกาศคุมเข้มแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน และการเข้ามาในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ จ.ระนองนั้น ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเรือประมงที่ทำประมงในฝั่งเมียนมาทั้งของชาวเมียนมา และคนไทยไม่สามารถนำสัตว์น้ำมาขึ้นฝั่งที่ จ.ระนองได้

โดยเฉพาะประมงพื้นบ้านที่ก่อนหน้านี้ชาวเมียนมาจะนำสัตว์น้ำมาขายฝั่งไทย แต่พบว่าตอนนี้ตามท่าเรือ ท่าน้ำชายฝั่งจะมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. หรือ อปพร.เข้าไปจัดตั้งจุดตรวจและจัดเวรยามเฝ้า ระวังจึงทำให้ไม่สามารถนำสัตว์น้ำเข้ามาขายยังฝั่ง จ.ระนองได้ ในขณะที่สัตว์น้ำของชาวประมงชาวไทยที่นำมาขึ้นฝั่งขาย ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อไว้ล่วงหน้าเพื่อนำไปขายต่อในจังหวัดอื่นๆ จึงทำให้ในขณะนี้จังหวัดระนองจึงเริ่มขาดแคลนอาหารทะเล ประเภทกุ้ง หอย ปู ปลา จะหายากมากขึ้น ในขณะที่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นแต่ประการใดเป็นเพียงปริมาณสัตว์น้ำที่ขึ้นฝั่งมีจำนวนลดลงจากเดิมเหตุมีการคุมเข้มแนวชายแดน

นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโควิด–19 ในประเทศเมียนมาจนทำให้ต้องมีการปิดโรงเรียนทั้งประเทศ ซึ่งอำเภอละอุ่นมีพื้นที่ด่านชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา หากมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเล็ดลอดเดินทางผ่านเข้ามาในพื้นที่อำเภอละอุ่น ก็อาจจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปสู่ประชาชนทั้งประเทศได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จากประเทศเมียนมา จึงขอให้ผู้นำชุมชนทุกอำเภอ ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 กับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยเคร่งครัดและบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดและเฝ้าระวังป้องกันการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ และห้ามไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติตลอดชายแดน