มีโอกาสโดดลงสะท้อนการปรับลงของหุ้นโลกในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ

มีโอกาสโดดลงสะท้อนการปรับลงของหุ้นโลกในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ

หุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ

หุ้นสหรัฐฯ ผันผวนจากแรงทำกำไรซึ่งเป็นไปตามที่เราเตือนให้นักลงทุนระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นหลังหลังสัญญาณความแข็งแกร่ง (Market breath) ที่วัดจากจำนวนหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน มีจำนวนที่ลดลงจากช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ขณะเดียวกันมีการรายงานคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสปิดสถานะการลงทุนใน Call option ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถือโดยกองทุนขนาดใหญ่ อาจเป็นสาเหตุของความผันผวนของหุ้นสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา

ความเสี่ยงทางการเมืองระยะสั้นสูงขึ้น การเมืองในประเทศเริ่มเข้าสู่ทางตัน รัฐบาลสูญเสียความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่กลไกของรัฐธรรมนูญมีความซับซ้อนจนยากแก่การแก้ไขด้วยเงื่อนไขปกติ ขณะที่การชุมนุมทวีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรัฐประหาร (ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เนื่องจากจะสูญเสียความเชื่อมั่น ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้แย่ลง) ทั้งนี้ความเสี่ยงสำคัญที่เราอยากให้นักลงทุนให้ความสำคัญคือ หากเกิดการรัฐประหารหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก่อนการผ่านร่างงบประมาณปี 2564 จะแล้วเสร็จ จะทำให้เกิดความเสี่ยงของสูญญากาศงบประมาณ เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2562

กลุ่มหุ้นแพงและน้ำมัน ระยะสั้นเสี่ยงต่อความผันผวนมากกว่าหุ้นที่ให้ yield สูง เรายังมีมุมมองบวกต่อภาพการลงทุนระยะกลางจากสภาพคล่องในระบบที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามการขยับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (Earnings yield gap) ปรับลดลง ซึ่งจะกระทบมากต่อตราสารหนี้และหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่แพง ให้มีโอกาสผันผวนช่วงสั้นได้สูงกว่า การลงทุนช่วงสั้นจึงเน้นหุ้นปลอดภัย (defensive) และกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูง (high yield) ซึ่งจะกระทบต่อความผันผวนดังกล่าวต่ำกว่า ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย ลดราคาขายน้ำมันราคาน้ำมันดิบลง

หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPF, TU, TIP, THRE, ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, SUPEREIF, BTSGIF, BCH, CHG, WHAUP, EASTW / หุ้นที่มีปัจจัยบวก 1) เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Thailand อาทิ CRC 2) กำไรเติบโตโดดเด่น CKP, TASCO 3) หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย CPALL, ZEN, M

ภาพรวมกลยุทธ์ การลงทุนระยะกลางยังคงเป็นบวก แต่วันนี้มีโอกาสเปิดโดยลงในโซน 1,296-1,306 จุด ประเมิน 1,296 จุด หรือต่ำกว่าเป็นจุดน่าสนใจเก็งกำไร // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CPALL*, ADVANC*, CPNREIT*

แนวรับ 1,296-1,306 จุด / แนวต้าน : 1,320-1,329 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ส่งออกจีนโตติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม สนง.ศุลกากรจีน (GAC) รายงานส่งออกเดือน ส.ค. พุ่ง 9.5% yoy สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 62 รับแรงหนุนจากประเทศคู่ค้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่นำเข้าหดตัว 2.1% yoy เกินดุลการค้าที่ $5.893 หมื่นล้าน

BOE หนุนผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เผยเศรษฐกิจอังกฤษอาจต้องได้รับการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อชดเชยผลกระทบโควิด-19 และเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%

แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ธปท.เตรียมทยอยออกมาตรการดูแลกลุ่มลูกหนี้เพิ่มเติม เนื่องจากล่าสุดมีลูกหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ณ สิ้นเดือนก.ค.2563 รวม 7.20 ล้านล้านบาท การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยตามมาตรการระยะที่ 1 คิดเป็นสัดส่วน 90% ของการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยสะสมทั้งหมด

กลุ่มอาหาร - ศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหาร (CFS) ของฮ่องกง ตัดสินใจระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากแคว้นตูย์เมนสกายา รัสเซีย เนื่องจากการระบาดของไข้หวัดนก

SCM IPO เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO ที่ 1.90 บาท พาร์ 0.50 บาท จำนวนหุ้น IPO ที่ 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนชำระ โดยมี market cap ที่ 1,140 ล้านบาท

ประเด็นติดตาม: 8 ก.ย. – TH Consumer Confidence เดือน ส.ค. / EU GDP 2Q20, 10 ก.ย. – ECB meeting, US Initial Jobless Claims, 11 ก.ย. – US CPI เดือน ส.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)