ทำงานกับ 'ศัตรู' อย่างไรดี?

ทำงานกับ 'ศัตรู' อย่างไรดี?

เมื่อต้องทำงานกับศัตรู โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้นำ สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้มีความสุขในการทำงาน รักษาประสิทธิภาพและภาพลักษณ์ในที่ทำงานให้ได้มากที่สุด

คงต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่า ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนไม่สามารถเลือกทำงานกับคนที่ชอบได้เสมอไป เมื่อผู้บังคับบัญชาหรือโครงสร้างองค์กรหรือสายการบังคับบัญชากำหนดให้เราต้องทำงานกับศัตรู โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการ

เพราะว่าศัตรูคือคนที่ไม่หวังดีและพยายามทำร้ายหรือทำลายเราอยู่เรื่อยๆ เมื่อมีโอกาส ตั้งแต่พูดให้เจ็บใจ ใส่ร้ายป้ายสี แกล้งให้ล้มเหลวในการทำงาน ฯลฯ ผู้นำควรทำอย่างไรดีเพื่อรักษาตัวให้รอด ขณะที่ยังคงทำงานที่รับผิดชอบให้ได้ดี รักษาความเป็นมืออาชีพในสายตาของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งไม่เหนือความสามารถแน่นอนถ้ามีสติรู้ตัวและตั้งใจจริง มาดูกันค่ะว่าผู้นำสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้มีความสุขในการทำงาน รักษาประสิทธิภาพและภาพลักษณ์ในที่ทำงานให้ได้มากที่สุด

กำหนดเป้าหมายและหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปากเสียง เมื่อรู้ว่าต้องทำงานร่วมกับศัตรู พึงขอให้ผู้บังคับบัญชากำหนดหน้าที่รับผิดชอบ ขั้นตอนการติดตามงาน หลักการประเมินผลงานของแต่ละคนเป็นลายลักษณ์ให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงการพูดจากับศัตรูโดยไม่มีบุคคลที่สามรับรู้เป็นพยาน และถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ควรอัดเสียงพูดคุยของท่านกับศัตรูไว้ ซึ่งเรื่องนี้ท่านสามารถทำได้โดยเปิดเผย อาจให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นโน้ตกันลืม

จริงๆ แล้วป้องกันทั้งตัวท่านและศัตรูไม่ให้พูดจาโดยไม่ไตร่ตรองระวังตน ดิฉันเองใช้วิธีนี้เมื่อต้องประชุมงานกับศัตรูที่ชอบพูดอะไรและบอกว่าไม่เคยพูด วิธีบันทึกเสียงนี้แก้โรคขี้ลืมไม่รักษาคำพูดของศัตรูได้ผลดีมากค่ะ เมื่อต้องมีการนัดหมายหรือมีข้อตกลงเรื่องงานใด ๆกับศัตรู ให้เขียนเป็นอีเมลมีสำเนาถึง (Cc.) ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมทีมเพื่อแสดงความโปร่งใสและเก็บเป็นหลักฐานได้

มีสติและมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ต้องมีสติ การมีสติคือรู้เท่าทันความรู้สึกและ อารมณ์ของตนเองว่ากำลังรู้สึกโกรธ หรือเสียใจ ตกใจ ประหลาดใจ หรือแม้กระทั่งดีใจจากการกระทำของศัตรู เพราะเมื่อเป็นผู้นำ การแสดงออกของท่านย่อมเป็นเป้าสายตาของผู้บังคับบัญชา ผู้นำระดับเดียวกันและผู้ใต้บังคับบัญชา

ผู้นำที่มีความเป็นมืออาชีพจะรู้จักสำรวมกิริยาท่าทางไม่แสดงอารมณ์อย่างโจ่งแจ้งมากเกินไป เวลาชอบหรือดีใจก็ยิ้มในหน้า ไม่ถึงกับกระโดดโลดเต้น เวลาโกรธก็ไม่ทำหน้าตาถมึงทึงน้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะคอกคน เสียใจก็ไม่ร้องไห้ ฟูมฟายไม่เลิก แสดงถึงการมีสติและมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ซึ่งหลายคนยังทำไม่ได้ดี การแสดงอารมณ์ วาจาและท่าทางที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ผู้นำดูติดลบในสายตาของคนอื่น

ถึงแม้ท่านจะเป็นคนดีมีความสามารถ แต่ถ้าคนในองค์กรมองเห็นว่าท่านควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แบบนี้ก็ยากที่ผู้บริหารจะไว้วางใจท่านให้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก และแม้บางคนสามารถคุมอารมณ์ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาได้ แต่กับลูกน้องก็ปล่อยอารมณ์ดิบแบบนี้คิดผิดค่ะ เพราะการชอบเหวี่ยงใส่ลูกน้องและคนที่ต่ำกว่าหรือคนที่ไม่มีทางสู้ยิ่งทำให้ท่านดูแย่ลงไปอีก

เป็นผู้นำที่จริงใจใช่ว่าต้องเผยทุกอย่าง (Authentic Leaders do not necessarily disclose everything.) บางท่านอาจข้องใจว่าการควบคุมอารมณ์ที่รู้สึกจริงๆไม่แสดงออกมาให้คนอื่นทราบเป็นการไม่จริงใจหรือไม่ ขอเรียนว่าท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกทุกอย่างให้ทุกคนทราบ โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นจะก่อให้เกิดผลลบมากกว่าผลดี

เช่น ท่านกำลังนึกดูถูกพนักงานคนหนึ่งว่าโง่เหลือเกิน ถ้าบอกให้เขารู้ว่าท่านคิดอย่างไร ท่านคิดว่ามันจะเกิดผลดีกับใครบ้าง จะช่วยให้ลูกน้องมีความจูงใจอยากพัฒนาตัวเองไหม คงยากที่จะมีใครชอบฟังคำตำหนิหรือดูถูก การแสดงความจริงใจที่สามารถทำได้ก็คือบอกว่าเขามีจุดดีตรงไหน (ถ้าเขามีจุดดีที่เราสามารถหาเรื่องชมได้) จุดอ่อนตรงไหน สามารถปรับปรุงตัวเองได้อย่างไร แสดงความเห็นที่สร้างสรรค์ให้กำลังใจคน และแสดงความจริงใจไม่หลอกลวงอย่างมีเมตตาและเป็นมืออาชีพ 

การคิดก่อนพูดจึงเป็นเรื่องที่ผู้นำพึงระลึกไว้เสมอ อย่ารีบพูดอะไรโดยไม่กลั่นกรองคำพูดเสียก่อนว่ามันจะมีผลลบกับตัวท่านและคนอื่นอย่างไร  การที่ท่านมีความสำรวมระวังตัวเสมอจะทำให้ศัตรูหาจุดอ่อนที่จะโจมตีท่านได้ยากขึ้น คนทั่วไปจะให้ความเคารพเชื่อถือในความสุขุมหนักแน่นของท่านมากขึ้น บารมีของท่านจะเพิ่มขึ้น ปล่อยให้ศัตรูของท่านโมโหแล้วเต้นแร้งเต้นกาจนแพ้ภัยตัวเองไปดีกว่าค่ะ

สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน  ท่านต้องมีพันธมิตรช่วยปกป้องท่านจากศัตรู หากศัตรูมีพันธมิตรที่นิยมชมชอบเขามากกว่าท่าน ไม่ต้องบอกก็คงนึกออกนะคะว่าท่านตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ถ้าท่านตั้งใจทำงานอย่างดี มีไมตรีจิตเป็นกัลยาณมิตรช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่เกี่ยงงานกับเพื่อนร่วมงาน ยอมเสียเปรียบบ้างบางครั้ง ไม่นินทาว่าร้ายเพื่อนร่วมงาน

คนทั่วไปที่มีใจเป็นธรรมย่อมแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ว่าใครเป็นคนดี คนทำถูก และใครนิสัยไม่ดีชอบเอาเปรียบและแกล้งเพื่อร่วมงาน เป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบไม่ได้ค่ะ ต้องรู้จักเข้าสังคมพบปะเพื่อนร่วมงานสม่ำเสมอ พวกเขาจะช่วยเป็นหูเป็นตา ช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทนเมื่อท่านถูกโจมตีข้างหลังอีกด้วย คนเก่งคนดีที่คิดว่าอยู่เงียบ ๆเพราะเป็นคนชอบเก็บตัว ( Introvert) หวังแต่รอผู้บังคับบัญชาให้มีตามองเห็นว่าใครผิดใครถูกเองย่อมไม่ใช่วิธีการที่ดี ท่านต้องมีพันธมิตรที่เป็นกัลยาณมิตรช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ด้วยค่ะ

เป็นมิตรกับศัตรู การเป็นผู้นำแบบมืออาชีพต้องทำงานได้กับทุกคน แต่ไม่ได้มีความหมายว่าต้องทำตัวเป็นนักการเมืองไร้อุดมการณ์ที่สามารถกอดกับคนที่วันก่อนท่านกับเขาเคยวิวาทกันอย่างเผ็ดร้อน แต่ท่านสามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีเป็น ทุกคนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ศัตรูของท่านก็เช่นกัน บางเรื่องเขาก็อาจจะคิดถูกและมีความเห็นที่ดีเสนอในที่ประชุม ธรรมดาคนที่ไม่ชอบหน้ากัน หากอีกฝ่ายทำในเรื่องดี ฝ่ายตรงข้ามก็มักทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามจริงๆ คือไม่สนับสนุนชมเชยความคิดที่ดีนั้นเพราะเหม็นหน้าเจ้าของความคิด แต่ถ้าศัตรูพลาดท่าเมื่อไรต้องรีบวิจารณ์แฉโพยความผิด ทำแบบนี้ใครก็คาดเดาได้ รู้ว่าใครเป็นคู่กัดกับใคร มืออาชีพไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หากฝืนใจชมไม่ไหวก็ไม่ต้องออกโรงฟันศัตรูทุกครั้งที่โผล่หน้ามาแสดงความเห็น 

และการเป็นมืออาชีพขั้นเทพ ก็คือ เมื่อศัตรูเสนอความคิดที่ดีในที่ประชุมและมีคนชมกันถ้วนหน้า ท่านก็ควรร่วมชมเชยด้วยเป็นครั้งคราวเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจนักกีฬา บางทีอาจทำให้ความสัมพันธ์ของท่านกับศัตรูดีขึ้นและกลายมาเป็นเพื่อนกันก็ได้ ถึงแม้ไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ สังคมย่อมยกย่องความมีสปิริตของท่าน และถ้าศัตรูไม่เคยชมเชยท่าน มีแต่จ้องจับผิดฟาดฟันท่านอย่างเดียว ศัตรูย่อมดูไม่ดีเอง

รักษาสุขภาพกายสุขภาพจิตให้ดี การมีศัตรูที่ต้องคอยระวังตัวย่อมบั่นทอนจิตใจไม่มากก็น้อย ผู้นำที่ฉลาดและอยู่ได้ยั่งยืนไม่แพ้ภัยคือคนที่แข็งแกร่งทั้งกายใจ ดูแลร่างกายตนเองให้ดี พักผ่อนให้พอ ออกกำลังกาย รักษาสุขภาพจิตให้ดี คิดดี พูดดี ทำดีอย่างมีสติรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง รู้เท่าทันศัตรู ระมัดระวังตัวไม่ประมาท เป็นคนดี จริงใจ ซื่อแต่ไม่เซ่อจนตกเป็นเหยื่อของศัตรูค่ะ