'โหรฟองสนาน' ชี้ 10 ก.ย. จุดเริ่มต้น 'ชะตาเมือง' เข้าสู่วาระ 'ราหู'-ศรีจร-นิจ

'โหรฟองสนาน' ชี้ 10 ก.ย.  จุดเริ่มต้น 'ชะตาเมือง' เข้าสู่วาระ 'ราหู'-ศรีจร-นิจ

เตือน!!! "โหรฟองสนาน" ชี้ 10 ก.ย. จุดเริ่มต้น 'ชะตาเมือง' เผยดวงเมืองเข้าสู่วาระ "ราหู"-ศรีจร-นิจ-เริ่มค้นทรัพย์-จันทร์ล่าราหูเมืองรอบนี้ ช่วยกันฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณ 24 ก.พ.64 เป็นอย่างต่ำ

“โหรฟองสนาน จามรจันทร์” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  Fongsanan Chamornchan ระบุว่า  แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 340 โดยฟองสนาน จามรจันทร์ เข้าสู่วาระ "ราหู"-ศรีจร-นิจ-เริ่มค้นทรัพย์-จันทร์ล่าราหูเมืองรอบนี้

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ และผลของดาวจรสำคัญที่ทำมุมกับชะตาเมืองระหว่าง10 กันยายน 2563 – 21 เมษายน 2564
พระราหู(8) จร-เดินอยู่ในราศีพฤษภระหว่าง 10 กันยายน 2563 – 21 เมษายน 2564

พฤหัสบดีจร(5) เดินถอยหลังในราศีธนู-เริ่มวกกลับเดินหน้า 22 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-เดินเข้าราศีมังกร 13 พฤศจิกายน 2563

พระเสาร์จร(7) เดินถอยหลังในราศีธนู-วกกลับเดินหน้าวันที่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-เดินเข้าราศีมังกร 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป

พระอังคาร(3) กาลกิณีจรของเมืองเดินผิดปกติข้ามราศีระหว่างเมษกับมีน แล้วจะข้ามไปพฤษภตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

พระมฤตยูจร(0) เดินอยู่ในราศีเมษจะเริ่มเดินผิดปกติตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-สิ้นปี 2563

ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนระหว่าง 10 กันยายน 2563-9 พฤศจิกายน 2564 ที่เหลืออีกห้าลัคนาราศีไว้พลางก่อน-เพราะ-

ในที่สุดท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ก็มาถึงวันที่ผู้เขียนเคยเพียรบอกมาก่อนว่าขอให้คนไทยช่วยจับมือกันพาประเทศชาติและดวงเมืองฟันฝ่าตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไปเพื่อที่อย่างต่ำไปให้ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2564 ถ้าจะให้ดีขอให้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เพื่อที่หลังจากนั้นไม่ว่าการเมือง-บ้านเมืองจะวุ่นวายขายกระจาดขนาดไหน แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นเห็นลางของปีทองด้านเศรษฐกิจ แล้วจะเป็นต่อไปอีกหลายปีจนกว่าคนไทยจะเริ่มประมาทแล้วหัวทิ่มเอง

หลายท่านอ่านบทสรุปนี้แล้วอาจจะบอกว่าไม่เข้าใจ-ขัดแย้งกันเอง-ไม่สมเหตุสมผล ผู้เขียนก็ขอยกตัวอย่างคือบางคนในบ้านวุ่นวายแตกแยก ระส่ำระสาย แต่เจ้าชะตากลับหาเงินได้โดดเด่น-ร่ำรวยมั่งคั่ง เป็นต้น

ทีนี้มาดูกันว่าด้วยหลักอะไรที่ใช้ทำนาย ซึ่งผลก็มาจากการย้ายราศีของดาวใหญ่ที่จะเกิดใกล้ ๆ กันตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไปพร้อมกับการเดินผิดปกติ-หยุดเดินผิดปกติ-บีบๆ-คลายๆของดาวสำคัญหลายดวงที่จะเกิดซ้ำซ้อนกันที่จะให้ผลทั้งร้าย-ดีดังต่อไปนี้

1. เกณฑ์ทุกขลาภ-ลาภทุกข์จากพระราหู(8) ศรีจรเข้าไปเดินในราศีพฤษภ (ภพทีสอง-กฎุมภะ) ได้มาตรฐานนิจ (ต่ำต้อย) ค้นทรัพย์และเกิดปรากฎการณ์จันทร์ล่าราหูในดวงเมือง (ดวงเมืองแตก) เริ่มตั้งแต่ 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 โดยต้นตอทุกข์ๆ -ยาก ๆ มาจากเรื่องเศรษฐกิจ (พระราหูจรเดินอยู่ในราศีพฤษภ-ดินแดนของการทำมาหาได้-เศรษฐกิจของประเทศ)

อันที่จริงเกณฑ์นี้เริ่มก่อตัวนานแล้วเมื่อพระจันทร์(2) คือประชาชนเดือดร้อนเพราะพิษโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทมาช่วย เรียกได้ว่าประชาชนได้ค้นเงินในกระเป๋ารัฐบาลจนเกือบเต็มเพดานหนี้

จริงอยู่การช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าระหว่าง 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 อะไรจะเกิดกับรัฐบาลบ้าง เพราะอาจมีเรื่องไม่คาดฝันใหญ่โตเกิดขึ้นอันมีสาเหตุทางเศรษฐกิจเป็นต้นเหตุ เหมือนสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัดสินใจ-จำเป็นต้องลดค่าเงินบาทเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2527 จนเกิดการขู่รัฐบาลของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกผบ.ทบ.ขณะนั้นในชื่อ-คืนวันลอยกระทง-จนกระแสตีกลับรัฐบาลผ่านพ้นได้ แล้วหลังจากนั้นเศรษฐกิจของประเทศก็เริ่มสู่ขาขึ้นเพราะการการส่งออก และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ

แม้ผู้เขียนจะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป แต่คาดว่าคงถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลืองเหมือนตอนรัฐบาลป๋าเปรมโดนขู่ให้กลับมาใช้เงินบาทค่าเดิม เช่นตอนนี้ที่เห็น ๆ คือคุณปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลาออกไปแล้ว (แต่ปู่สมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ลาออกเพราะป๋าสนับสนุน) แล้วเสียงประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนว่าไม่ต้องการให้นักการเมืองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่คนในพรรคพลังประชารัฐกลับมีอิทธิฤทธิ์จะเอาตำแหน่ง นี่ก็อาจจะเพียงแค่จุดเริ่มต้นบีบ-คลาย-คลาย-บีบ

แต่ด้านที่ต้องอ่านดีคือพระราหูที่ค้นทรัพย์ดวงเมืองนี้อยู่ในระหว่างเป็นศรี หรือสิริมงคลจรของเมืองจึงหากรัฐบาลหรือเมืองฟันฝ่าเรื่องไม่คาดฝัน-แรงบีบที่ทั้งเป็นอยู่และกำลังจะเกิดขึ้นไปได้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 จะเริ่มเห็นลางฟื้นทางเศรษฐกิจ เงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาช่วย เริ่มสู่ปีทองทางเศรษฐกิจไม่ว่าการเมืองจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม

2. พระอังคาร(3) ดาวประจำชีพเมืองกำลังเป็นกาลกิณีจร เกณฑ์ร้ายจากพระอังคารในเมืองคืออาวุธ-อุบัติเหตุ-ระเบิด-ควัน-เลือด-ยาพิษ-อากาศ-การใช้กำลังประหัตประหารกันด้วยอุบายยังรอเกิดอยู่ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วเช่นเหตุการณ์สังหารหมู่ 30 ศพที่โคราช-ไฟป่าแรงเฉียดโรงเรียนเตรียมทหารที่นครนายกฯ-สนามมวยลุมพินีใส่กรรมคนไทยเป็นจุดแพร่ระบาดของโควิด-19 -ผู้อำนวยการโรงเรียนปล้นร้านทองยิงเด็กสองขวบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตาย ฯลฯ

3. ปรากฏการณ์ตรึงกำลังกันระหว่างหัวหน้าดาวดีหรือพฤหัสบดีกับหัวหน้าดาวร้ายที่ทำเอาคนไทยอึดอัดทั่วเมืองเหมือนคนท้องอืดที่เป็นมาตั้งแต่ประมาณกลางกรกฎาคม 2563 นั้นปรากฎการณ์นี้ต้องทนไปให้ถึงประมาณ 13 พฤศจิกายน 2563 ก็จะค่อย ๆ ลดลง (พฤหัสบดีจรย้ายจากธนูเข้ามังกรหยุดการตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมือง)

4. ต่อสู้กันทางอุดมการณ์-ความเชื่อที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นมีนาคม 2562 ที่ต้องสู้กันไปยาวนานยี่สิบปี แล้วปรากฎการณ์ไล่ล่ากันระหว่างสองฝ่ายในเมืองอุตลุดที่เป็นมาอย่างดุเดือดตั้งแต่ประมาณกลางกรกฎาคม 2563ชนิดลูกสาวฝาแฝดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีก็หนีไม่พ้น ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดจากพระเสาร์จร(7) หัวหน้าดาวร้ายเดินถอยหลังไล่ล่าพฤหัสบดีจร(5) หัวหน้าดาวดีมาตั้งแต่กลางกรกฎาคม 2563 ฝ่ายคนที่อยู่ข้างพระสยามเทวาธิราชจึงถึงคิวพากันโดนมาก

ครั้นตั้งแต่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไปพระเสาร์จรจะหยุดเดินผิดปกติวกกลับเดินหน้าไปตามทางของตัวเอง แล้วตั้งแต่ 22 กันยายน 2563 เป็นต้นไป ฝ่ายหัวหน้าดาวดีคือพฤหัสบดีก็จะตามไล่ล่าพระเสาร์จรแทน (พฤหัสบดีจรวกกลับเดินหน้า-ตามหลังพระเสาร์จร) โดยจะเป็นการล่าด้วยตัวบทกฎหมายตามอาการของพฤหัสบดี

อย่างไรก็ตาม การประลองกำลังระหว่างสองฝ่ายในเมืองรอบนี้ยังจะเกิดเป็นระยะ ๆคาดว่าจะค่อย ๆ สงบลงประมาณ 9 พฤศจิกายน 2564 (พฤหัสบดีจรหยุดร่วมราศีกับพระเสาร์จร)

5. ตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไปกลับเข้าสู่สภาวะฝ่ายรัฐบาลก็แบกภาระหนัก แต่ฝ่ายค้านก็ดวงตก (ยาวไปถึง 1 มีนาคม 2566)

6. เริ่มเปลี่ยนแปลงใหญ่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญตั้งแต่ประมาณ กลางพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป (ถึงประมาณพฤศจิกายน 2564)

ส่วนเกณฑ์ยุบสภา-สามารถเกิดได้ตลอดระหว่าง 13 พฤศจิกายน 2563-9 พฤศจิกายน2564-แต่ดูแล้วเกณฑ์แก้ไขรัฐธรรมนูญกลับโดดเด่นกว่า

7. ปี่กลองเลือกตั้งท้องถิ่นจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 แล้วเริ่มเป็นจริงเป็นจังระหว่างกลางพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป (ยาวไปถึงพฤศจิกายน 2564)

8. ลางการจากไปของโรคประบาดใหญ่รอบนี้จะเริ่มปรากฎตั้งแต่ 10 กันยายน 2563เป็นต้นไป (คู่โรคระบาดคือพฤหัสบดีจรกับพระราหูจรหยุดเล็งกัน)ต่อไปหากจะมีการระบาดอีกจะไม่แรง-ร้ายเหมือนรอบนี้

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของการได้วัคซีน หรือวิธีรักษาพยาบาลคือประมาณ 22 กันยายน 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7 วัน-พฤหัสบดีจรวกกลับเดินหน้า)

คาดว่าคนไทยจะได้ใช้ยาหรือวัคซีนครั้งแรกประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

9. เป็นระยะที่ฝนมาสนั่นหวั่นไหวช่วยเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำ และนอกจากร่องฝนแล้วคาดว่าจะมีพายุ-หางพายุจะเข้าคือ

ลูกแรกเริ่มก่อตัวประมาณ 9 ตุลาคม 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7 วัน)

ลูกที่สองเริ่มก่อตัวประมาณ 5 ธันวาคม 2563 (ก่อน-หลังประมาณ 7วัน)

และคาดว่าประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปจะมีพายุลูกหลง หรือถ้าไม่ใช่ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุใหญ่ทางอากาศหรือ แก๊ส ไฟ หรือควัน หรือระเบิด ครั้งใหญ่

สรุปอีกครั้งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นช่วงเข้าที่คับขันของเมืองอีกระยะหนึ่ง แต่สิ่งดีก็มีมาก ช่วยกันฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นอย่างต่ำ แล้วตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นลางดีของเศรษฐกิจ

ฟองสนาน จามรจันทร์

4 กันยายน 2563