ยังคงไร้ปัจจัยบวก ผลักดัน SET INDEX

ยังคงไร้ปัจจัยบวก ผลักดัน SET INDEX

จับตากรอบความเคลื่อนไหวช่วงที่ผ่านมา ทั้งดัชนีดาวโจนส์ ราคาน้ำมันดิบ WTI ค่าเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ การเมืองไทย และ SET Daily สะท้อนภาพหุ้นไทยยังไร้เสน่ห์ ไร้ปัจจัยบวกใหม่ๆ และยังไม่มีข่าวดีมาสนับสนุนให้ต่างชาติและกองทุนภายในประเทศมาซื้อสุทธิ

1.DJIA ดัชนีดาวโจนส์ (03 ก.ย. 63) ปิดที่ 29,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 454.84 จุด หรือ +1.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,580.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.19 จุด หรือ +1.54% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,056.44 จุด เพิ่มขึ้น 116.77 จุด หรือ +0.98%, ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 454 จุด สามารถทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ปีนี้

ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่น หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด,

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.93% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 3.8% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.87% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.92%, กราฟ DJIA ทำเป็นบันไดขาขึ้น คือ จุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ กำลังจะทดสอบจุดสูงสุดเดิม 29,568.57 จุด หากผ่านขึ้นไปได้ มีโอกาสที่จะทะลุ 30,000 จุด เพื่อสร้าง All time high

หลักๆ คือ ความหวังการพัฒนาวัคซีนโควิด 19 และมีความก้าวหน้าต่อเนื่อง ทำให้มีความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่วนคณะกรรมการ FOMC เตรียมใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่ เรื่องของเป้าหมายเงินเฟ้อให้เงินเฟ้อดีตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และ เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ สนับสนุนตลาดแรงงาน เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี, ระยะสั้นๆ หากดัชนีดาวโจนส์ มีการปรับฐานแล้วไม่ต่ำกว่า 27,500 – 28,500 จุด ถือว่า เป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ

2.ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 3-09-2563 อยู่ที่ 41.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมัน ในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในช่วงการเคลื่อนไหวออกด้านข้าง (Sideway) อยู่ในกรอบ 40-43.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกเด่นๆ เข้ามา เพราะการระบาดของ Covid–19 ยังมีต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมัน (Demand) ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากราคาน้ำมันยังยืนเหนือ 39.5-40 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ ถือว่ายังเป็นขาขึ้นอยู่ แต่หากเมื่อไหร่ หลุดแนวรับดังกล่าวลงมา ต้องระวังแรงขายหนักๆ ตามมา และจะส่งผลกระทบมาถึงหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีในไทยด้วย ทั้งกลุ่มเลย (PTT PTTEP PTTGC TOP IVL)

3.กราฟค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในกรอบ 30.80-32 บาท/ดอลลาร์ โดยประมาณ Sideway ขึ้นลงเป็นสลับฟันปลา ต่างชาติขายหุ้นออกมาต่อเนื่องและรุนแรง โดยเฉพาะช่วงก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงจนมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,300 จุด ก่อนที่จะมีรีบาวด์ขึ้นมาใหม่ ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน จึงทำให้ต่างชาติไม่เข้าซื้อสุทธิในหุ้นไทย ยังคงกังวลปัจจัยการเมืองภายใน ที่จะมีการเริ่มประท้วงรัฐบาลจากกลุ่มนักเรียน นักศึกษา

4.การเมืองไทย หลังมีการปรับ ครม. ของรัฐบาลไทย ไม่นานรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ให้จับตา รมต.คลังคนใหม่และนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยต่อไป, การเริ่มต้นมีการชุมนุมประท้วงของเหล่านักศึกษา จะส่งผลกระทบวงกว้างหรือไม่ ต้องคอยติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง หากการเมืองไม่มั่นคงจะส่งผลกระทบต่อภาพการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจและสังคม จะส่งผลต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นไทยด้วย และหากทั้งต่างชาติและสถาบันภายในประเทศ (กองทุนไทยฯ) ยังเป็นฝ่ายขายสุทธิต่อเนื่อง ดัชนีราคาหุ้นคงไม่ไปไหนไกล จนกว่าจะมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา และปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยสนับสนุนมากกว่านี้

5.SET Daily (ดัชนีหุ้นไทย วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,317.35 จุด, +1.47 จุด หรือ +0.11%), ปริมาณการซื้อขายช่วงเปิดตลาดหุ้นบ่าย 30,154 ล้านบาท,โดยที่, EMA 5 วัน = 1,315 จุด, EMA 10 วัน = 1,316 จุด, 25 วัน = 1,323 จุด, EMA 50 วัน = 1,329 จุด, EMA 75 วัน = 1,332 และ EMA 200วัน = 1,89 จุด ตามลำดับ,

เป็นที่ใกล้วันหยุดยาว 4 วัน ทำให้ปริมาณการซื้อขายน้อยลง ประกอบกับความไม่มั่นใจเรื่องการเมือง ที่จะมีการชุมนุมประท้วงของนักเรียน นักศึกษาด้วย ดัชนีหุ้นไทยจึงเคลื่อนไหวออกด้านข้าง ไม่ตอบรับข่าวดี จากที่ดัชนีดาวโจนส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเพื่อจะไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม นักลงทุนต่างชาติและสถาบันภายในประเทศ ส่วนใหญ่จะลดพอร์ตมากกว่าซื้อสุทธิ, SET Daily ตั้งแต่เดือนจากวันที่ 8-06-2563 ที่ดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุด ณ 1,454.95 จุด เป็นต้นมา ดัชนีหุ้นไทยเกิดบันไดขาลง คือ จุดสูงสุด ต่ำลงๆ (Higher Low) และมีจุดต่ำสุดใหม่ตลอดเวลา (New Low) และ 20-08-2563 ดัชนีหุ้นไทย มีจุดต่ำสุดที่ 1,292.59 จุด, ช่วงปัจจุบันเริ่ม Sideway ออกด้านข้าง,

หลังจากนี้เราต้องติดตามว่า ดัชนีหากจะฟื้นตัว ต้องห้ามหลุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม 1,292.59 จุด, ถึงจะดูว่า เป็นการฟื้นตัวและ จะดูดีขึ้น หากกลับไปยืนเหนือ 1,300–1,320, 1340–1,350 จุด ได้อย่างมั่นคง ดัชนี จึงจะมีโอกาสกลับไปเป็นขาขึ้นได้ใหม่, ถ้าหาก ดัชนีเกิดจุดต่ำสุดใหม่ (ไม่ต่ำกว่า 1,292.59 จุด) จะส่งผลดี เพราะ Indicators จะเกิด Bullish Convergence คือ สร้างจุดต่ำยกสูงขึ้น ทั้งราคาหุ้นและ Indicators Daily (MACD, 14RSI, Slow Stochastic) หากเป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกทางกราฟเทคนิคทันที, รอ MACD > 0 หากกลับไปยืนเหนือ 0 ได้ ความมั่นใจในตลาดหุ้นจะกลับมาทันที, หาก ต่างชาติและ สถาบันภายในประเทศกลับมาซื้อใหม่อีกครั้ง จึงจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยไปทดสอบแนวต้านได้ (ต้านใหญ่ 1,350 จุด)

6.SET Weekly โดยที่ EMA 5 week = 1,319 จุด, 10 week = 1,326 จุด, 25 week = 1,346 จุด, 50 week = 1,408 จุด, 75 week = 1,456 จุด, 200 week = 1,525 จุด ตามลำดับ, ดัชนีหุ้นไทย สามารถเหวี่ยงตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดรอบนี้ที่ 1,454.95 จุด ถือว่า ขึ้นไปชนแนวต้าน EMA 50 week = 1,454 จุด แบบพอดีๆ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงปรับฐานลงมาเพื่อสร้างฐานก่อน, สัญญาณ Indicators Weekly (MACD, 14RSI, Slow Stochastic) ตั้งแต่สั่งขายลงมา ยังไม่ได้สั่งเป็นสัญญาณซื้อขึ้นมาเลย หากกลับตัวเป็นสัญญาณซื้อแบบระยะกลาง-ยาว (Weekly) ได้เมื่อไหร่ ดัชนีอาจจะต้องผ่านแนวต้านสำคัญให้ได้เสียก่อน (1,350 จุด) หากยังผ่านไปไม่ได้ ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ, ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบเริ่มมีเข้ามา ช่วงนี้ต้องระวัง (หลุด 1,300 จุด ลงมา ต้องปรับพอร์ตให้ดีครับ) หากดัชนีหุ้นไทยไม่กลับไปยืนเหนือ 1,300 จุด ได้ภายในสัปดาห์นี้ จากนี้ไปคงลำบากแล้วครับ

7.สรุป ปัจจัยหลักที่ยังต้องติดตามเป็นเรื่องความขัดแยังระหว่างสหรัฐและจีน, ดัชนีดาวโจนส์กำลังจะทดสอบ 30,000 จุด แต่หุ้นไทยยังไร้เสน่ห์ ไร้ปัจจัยบวกใหม่ๆ, การเมืองไทยยังไม่นิ่ง รมต.คลังยื่นใบลาออก, ติดตามชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนักเรียน 5 ก.ย.63 และความคืบหน้าภูเก็ต โมเดล จะลามทุ่งหรือไม่, ทั่วโลกยังกังวลโควิด-19 รอบ 2 ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องทั่วโลก, ค่าเงินบาทของไทย ปัจจุบันกลับมาอ่อนค่าที่ระดับ 31.35 บาท/ดอลลาร์ (3-09-2563), สถาบันภายในประเทศและต่างชาติ ขายสุทธิอย่างหนัก,

ช่วงนี้ยังไม่มีข่าวดีมาสนับสนุนให้ต่างชาติและกองทุนภายในประเทศมาซื้อสุทธิ ดัชนีปรับฐานแล้วหลุด 1,300 จุด ลงมาแล้ว ช่วงระยะสั้นๆ กำลังทำ Sideway ออกด้านข้างอยู่ แบบไร้ปัจจัยบวกแบบเด่นๆ, กลยุทธ์สำหรับเทรดเดอร์ คือ ถือเงินสดให้มากๆ ทำการบ้าน เตรียมเลือกหุ้นพื้นฐานดีๆ มีอนาคตและราคาหุ้นไม่สูงเกินไป ทยอยๆ ซื้อหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อซื้อ เล่นรอบ ตอนราคาหุ้นตกหนักๆ เด้งขึ้นมาขายออก, สำหรับเทรดเดอร์ หากกำไรแล้วไม่ขายออก ระวังจะกลายเป็นขาดทุนทันที มีให้เห็นบ่อยๆ หรือหากไม่เร็วพอ ถือเงินสดไว้ก่อน, ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ทำการบ้านเตรียมเลือกหุ้นพื้นฐานดี