'อนุทิน' ยกทีมภูมิใจไทย ประชุมสัญจรภูเก็ต

'อนุทิน' ยกทีมภูมิใจไทย ประชุมสัญจรภูเก็ต

"อนุทิน" ยกทีมภูมิใจไทย ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ประชุมสัญจรรับฟังปัญหาความเดือดร้อนคนภูเก็ต ยืนยันรัฐบาลพร้อมให้เปิดรับ นทท.ภายใต้มาตรการที่กำหนด ส่วนปัญหาการพักชำระหนี้และผลกระทบจากโควิด-19 อื่นๆ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

วันที่ 5 ก.ย.63 ที่ห้องประชุมโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานเปิดโครงการจัดประชุมพรรคภูมิใจไทยนอกสถานที่ (พรรคภูมิใจไทยสัญจร) เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรค, สมาชิกพรรคฯ ตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และประชาชนเข้าร่วม

ก่อนการรับฟังปัญหาจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แม้พรรคภูมิใจไทยไม่มีสมาชิกผู้แทนราษฎรในจังหวัดภูเก็ต แต่วันนี้ตั้งใจมาสร้างความเชื่อมั่นและรับฟังปัญหา เพื่อให้พี่น้องชาวภูเก็ตเติบโตแข็งแรง โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง ทราบดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต หากรัฐบาลสามารถแก้ได้ ก็จะเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาในระดับประเทศต่อไป เพราะภูเก็ต เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักในแต่ละปี

“พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบดูแล 3 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาของประเทศในวันนี้คือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เราทุกคนต้องมั่นใจในระบบการแพทย์ของประเทศไทย เราสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดไว้ได้เป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนอย่าตกใจกับการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายล่าสุดที่เป็นผู้ต้องขัง เราพูดกันมานานแล้วว่าสักวันเราต้องพบผู้ติดเชื้อ เราไม่สามารถล็อคดาวน์ประเทศได้ตลอดไป โอกาสที่จะพบผู้ติดเชื้อต้องเกิดขึ้น แต่เราสามารถตรวจพบผู้ติดเชื้อได้นั้นแม้ว่ามาจะเพียงคนเดียว แสดงให้เห็นว่าเรามีระบบที่ดี คนจะเข้าห้องขังเราก็กักตัว14วัน แรงงานที่ลักลอบมาจากด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี มาถึงจังหวัดภูเก็ต เราก็สามารถติดตามตัวจนเจอ ขณะนี้รอผลตรวจ ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบสาธารณสุข รัฐบาลพร้อมทำทุกอย่างจะกลัวไปทำไมในการเปิดประเทศรับต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว เราพร้อมทั้ง แพทย์ ยา เตียงผู้ป่วย เวชภัณฑ์ ระบบสาธารณสุข”

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเสียใจมาก ที่จังหวัดภูเก็ตไม่เอาเป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อคนภูเก็ตไม่เอาทำให้ไม่สามารถเดินต่อได้ ทั้งๆที่เรามีความพร้อมทุกด้าน มียาสำรองไว้7-8แสนเม็ด และกำลังจะผลิตได้เอง วัคซีนก็กำลังจะผลิตได้ เราอย่าเป็นเหยื่อของความสำเร็จของเรา อยากให้ภูเก็ตและเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าถ้าเริ่มที่ภูเก็ตได้ ท่องเที่ยวจะกลับมาบูมอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ที่คนภูเก็ตว่าพร้อมหรือไม่

\'อนุทิน\' ยกทีมภูมิใจไทย ประชุมสัญจรภูเก็ต

ด้านนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของภาคเอกชน คนภูเก็ตไม่ได้ปฏิเสธการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพียงแต่ยังมีความกังวล จากสิ่งที่ภูเก็ตบอบซ้ำจากการแพร่ระบาดในครั้งที่ผ่านมา หากจะต้องปิดเมืองปิดรอยต่อตำบล และสิ่งสำคัญที่สุดคนภูเก็ตถูกรังเกียจจากคนจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดหนัก ทำให้คนภูเก็ตยังกังวลในสิ่งเหล่านี้ ว่าถ้าเปิดเมืองรับต่างชาติแล้วเกิดระบาดรอบสองคนภูเก็ตจะอยู่กันอย่างไร

“สิ่งที่อยากจะฝากทางพรรคภูมิใจไทยในการผลักดันและเยียวยาผู้ประกอบการ คือ การพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค.63 นี้ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาว่าจะดำเนินการอย่างไร คิดว่าน่าจะเป็นระเบิดเวลาของภูเก็ต เมื่อผู้ประกอบการยังไม่มีรายได้ รายได้ที่เกิดขึ้นตอนนี้ที่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยคิดเป็นรายได้ประมาณ15บาท จากรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อยากจะให้รัฐบาลช่วยกู้ระเบิดลูกนี้ให้ภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้มหาศาล แต่ตอนนี้เรากำลังติดกับดักระเบิดเวลาที่รอเวลาที่จะระเบิดในวันที่31ต.ค.นี้ เราจะรอดจากระเบิดลูกนี้ได้ก็ต้องเมื่อเรามีรายได้เข้ามา50 %ตอนนี้เรามีรายได้จากคนไทย15 %เรายังขาดอีก35 %ซึ่งจำนวนนี้จะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา”

นายภูมิกิตติ์ กล่าวด้วยว่า การที่จะเอานักท่องเที่ยวเข้ามาคนภูเก็ตก็ต้องระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาคนภูเก็ตลำบากกันมาในช่วงที่ปิดตำบล คนภูเก็ตไปไหนก็มีแต่คนรังเกียจ ฉะนั้นการจะนำนักท่องเที่ยวเพื่อเติมให้ได้ 50 % ขอให้ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ทำในลักษณะเดียวกับการนำคนไทยกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งเรามั่นใจในระบบดังกล่าวเพราะทุกคนที่เข้ามาจะต้องผ่านการกักตัว จึงอยากให้นำระบบนี้มาใช้กับต่างชาติที่จะมาท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ตอนนี้คนภูเก็ตเข้าใจรัฐบาล แต่อยากให้รัฐบาลเข้าใจคนภูเก็ตด้วยว่าเรากล้าๆกลัวๆเพราะอะไร อยากให้การนำนักท่องเที่ยวเข้ามานั้นทำตามที่ทางจังหวัดภูเก็ตเสนอ คือ มาตรการ 5 T

ซึ่งประกอบด้วย 1. Targetคือกำหนดเป้าหมาย ขอเลือกกลุ่มที่มีความปลอดภัยมาจากประเทศที่มีอัตราการระบาดต่ำ 2.Testing คือ การตรวจสารคัดหลั่งต้องไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19ตั้งแต่ต้นทางและเมื่อถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตต้องรับการตรวจอีกครั้ง ก่อนเข้าสู่กระบวนการกักโรค 14 วัน โดยในระหว่างกักตัวประมาณวันที่ 3-5 จะต้องได้รับการตรวจอีกครั้ง 3.Trecing คือ หลัง 14 วัน จะติดตามตัวผ่านแอปพลิเคชัน 4.Treament คือ การเตรียมบุคลากรเครื่องมือและสถานที่รองรับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ และ 5.Trust คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนและถ้านักท่องเที่ยวจะเข้ามาจะต้องสมทบเงินเข้ากองทุนเพื่อสร้างความมั่นใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมีเงินรักษา

ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อย ได้เสนอให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องการพักชำระหนี้อย่างจริงจังอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่ออุดเลือดไม่ให้ไหลมากกว่านี้ เพราะเงินเก็บที่มีอยู่ต้องนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถนำเอาไปใช้หนี้ได้ โดยเฉพาะหลังจากเดือนตุลาคมไปแล้วจะหนักมากหากยังไม่มีรายได้ เพราะที่ผ่านมาได้ไปยื่นเรื่องกับหลายหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงอยากให้เข้ามาดูแลอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังขอให้มีการผลักดันโครงการต่างๆ เช่น รถไฟจากสุราษฎร์มายัง ท่านุ่น จ.พังงา การสร้างถนนสายสาคู-เกาะแก้ว, รถไฟฟ้ารางเบา, การให้ภูเก็ตเป็นเมืองพิเศษ, การเพิ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทูน่า ส่งเสริมการศึกษานานาชาติ มารีน่าฮับ เป็นต้น

ภายหลังรับฟังปัญหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน โดยยืนยันจะนำทุกปัญหาหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีเพื่อหาทางออกต่อไป