โฆษกรัฐบาลแจง 'แจกเงิน 3,000' อยู่ในขั้นทำรายละเอียดชง ศบศ.อีกครั้งใน 2 สัปดาห์

โฆษกรัฐบาลแจง 'แจกเงิน 3,000' อยู่ในขั้นทำรายละเอียดชง ศบศ.อีกครั้งใน 2 สัปดาห์

โฆษกรัฐบาลแจงมาตรการ "แจกเงิน 3,000" อยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดชงเข้า ศบศ.อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ ชี้หลักการต้องการกระจายรายได้ กระตุ้นการใช้จ่ายให้ถึงรายย่อย หาบเร่แผงลอย คนค้าขายในตลาดนัดได้รับเม็ดเงินอย่างทั่วถึง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวเรื่องมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น

มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงหลักการในเบื้องต้น ที่ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด

ข้อสรุปของที่ประชุม ศบศ.คือ ได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.ในครั้งต่อไปภายในสองสัปดาห์ ซึ่งจะมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

นายอนุชา กล่าวว่า “มาตรการช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่มีสิทธิ์จำนวน 15 ล้านคน ในวงเงินคนละ 3,000 บาทนั้น เป็นเพียงข้อเสนอในหลักการเบื้องต้นที่กระทรวงการคลัง นำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุม ศบศ. เมื่อวันพุธที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ที่ประชุม ศบศ.ได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของประชาชนที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ์ รวมถึงร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป และนำเสนอเพื่อขอมติจาก ศบศ.ในรายละเอียดแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วไป

"เงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วยต่างๆ รวมถึงการซื้อสินค้าในตลาดสดและตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่”