จี้นายกฯเปิดชื่อ 'ล้มคดีบอส' เรียกร้องสั่ง '8 กลุ่ม' ออกจากราชการไว้ก่อน

จี้นายกฯเปิดชื่อ 'ล้มคดีบอส' เรียกร้องสั่ง '8 กลุ่ม' ออกจากราชการไว้ก่อน

แถลงการณ์เรียกร้อง นายกฯ เปิดเผยชื่อ-ตำแหน่ง บุคคล 8 กลุ่ม ร่วมขบวนการสมคบคิดช่วย “บอส วรยุทธ” หลุดคดี โดยให้ออกหรือพักราชการไว้ก่อน จี้ใช้อำนาจบริหารให้ดีเอสไอเร่งออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี

สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดกรณี “การสอบสวนล้มคดีบอส” และเร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ รวมทั้งงานสอบสวนและนิติวิทยาศาสตร์ ให้มีมาตรฐานสากลป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหาตัวเจ้าพนักงานของรัฐผู้ร่วมกระทำผิดในกรณีที่มีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบช่วยให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา พ้นจากการถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายแล้วหลบหนี ซึ่งตำรวจผู้รับผิดชอบระดับต่างๆ ได้มีการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานคดีนี้เป็นระยะๆ ตลอดมา จนกระทั่งทำให้พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยมี ศ.ดร.วิชา มหาคุณ เป็นประธานฯ

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ศ.ดร.วิชา ได้นำผลการตรวจสอบไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนส่วนหนึ่งแล้วนั้น เนื่องจากการแถลงข่าวประกอบเอกสารที่เผยแพร่ดังกล่าว แม้จะมีการยืนยันถึงการกระทำผิดของตำรวจผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทนายความ และพนักงานอัยการ ว่าได้ร่วมกันทำเป็นขบวนการ และเสนอให้มีการดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรงกับข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องทุกคน แต่กลับไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนได้ทราบว่า มีใครบ้างเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดที่สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างร้ายแรงดังกล่าว และรัฐบาลจะดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งการปฏิรูปตำรวจ งานสอบสวนและงานพิสูจน์หลักฐานเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีกอย่างไร

จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการดังนี้

1. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า บุคคลทั้ง 8 กลุ่มที่ถูกระบุว่าร่วมกันกระทำความผิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนดังกล่าว มีผู้ใดบ้าง แต่ละคนมีตำแหน่งหน้าที่อะไรและมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอาญาหรือวินัยร้ายแรงอย่างไรบ้าง

2. สั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดีนี้ และรีบดำเนินการออกหมายเรียกผู้ที่มีหลักฐานการกระทำผิดตามรายงานดังกล่าวเป็นผู้ต้องหา หรือเสนอศาลออกหมายจับ และรีบจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนกรณีการดำเนินคดีอาญากับประชาชนผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ สรุปเสนอให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีต่อศาลโดยเร็ว

3. ใช้อำนาจทางการบริหารดำเนินการทางปกครองในเบื้องต้นทันที โดยสั่งให้ผู้ร่วมกระทำผิดที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐทุกคนออกจากราชการไว้ก่อน หรือพักราชการ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น และเป็นการส่งสัญญาณถึงความเด็ดขาดจริงจังของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ

4. เร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ งานสอบสวน และงานนิติวิทยาศาสตร์ ในเบื้องต้นเพื่อป้องกันการทุจริตบิดเบือนคดีหรือประพฤติมิชอบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลโดย

4.1 นำร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เสนอ รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการสอบสวน ที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรและได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้วเข้าสู่สภาเพื่อตราเป็นกฎหมายบังคับใช้โดยเร็ว

4.2 แก้ปัญหางานนิติวิทยาศาสตร์และการพิสูจน์หลักฐานที่อยู่ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งมีระบบการปกครองแบบมีชั้นยศและวินัยแบบทหาร ด้วยการทำให้เป็นข้าราชการพลเรือน สร้างหลักประกันความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพ โดยตราพระราชกฤษฎีกาโอนสถาบันนิติเวชและสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ไปเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมตามหลักสากลแทน

ขณะที่นายวิชา มหาคุณ ระบุถึงเอกสารที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ไม่ได้ระบุชื่อและตำแหน่งว่า คณะกรรมการได้ระบุชื่ออยู่ในรายงานฉบับเต็มที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อในเอกสารที่ให้กับสื่อเป็นสิทธิ์ของท่านนายกฯ ดังนั้นขอให้สื่อไปถามจากนายกฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่านายกฯ จะต้องทำให้เกิดความแน่ใจก่อน แต่ในรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในรายงานฉบับเต็มบริบูรณ์ไม่มีขาดตกบกพร่อง ในเมื่อนายกฯเป็นเจ้าของ ก็ถือเป็นสิทธิ์ขาดของนายกฯ

ทางด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ชี้แจงถึงกรณีถูกอ้างว่าให้ข้อมูลว่าอัยการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้หลบหนีออกนอกประเทศไทยว่า ภายหลังจากที่มีการเสนอข่าวดังกล่าว ปรากฏว่ามีน้องๆ อัยการโทรเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ว่าอัยการคนดังกล่าวเป็นใคร เดินทางหนีออกนอกประเทศไปแล้วจริงหรือไม่

“ขอยืนยันว่าข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยไปให้สัมภาษณ์ถ้อยคำหรือข้อความดังกล่าว ผมไม่ทราบและไม่รู้จักว่าอัยการที่ถูกกล่าวอ้างเป็นใคร เมื่อทราบว่ามีสำนักข่าวที่มีชื่อเรื่องสืบสวนสอบสวนแห่งหนึ่ง ได้รายงานข่าวว่าได้สัมภาษณ์ผม ผมก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้อำนวยการสำนักข่าวแห่งนั้น ต่อว่าในการนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง จึงยอมรับว่าข่าวดังกล่าวไม่มีต้นตอที่น่าเชื่อถือ โดยคนที่เผยแพร่ข่าวเป็นลูกน้องในทีม จะดำเนินการลบข่าวให้”

นายอรรถพล ย้ำว่า เนื่องจากข่าวดังกล่าวถูกแพร่กระจายจำนวนมาก จึงต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวเท็จ