แอนท์บุกตลาดอี-เพย์เมนท์โหนกระแสไร้เงินสดอาเซียน

แอนท์บุกตลาดอี-เพย์เมนท์โหนกระแสไร้เงินสดอาเซียน

แอนท์บุกตลาดอี-เพย์เมนท์ โหนกระแสไร้เงินสดอาเซียน โดยปัจจุบัน อาลีเพย์ได้รับการยอมรับในกว่า200 ประเทศ

ทุกวันนี้ตามร้านอาหาร รถแท็กซี่หรือแม้แต่ตู้จำหน่ายน้ำหรือขนมขบเคี้ยวประเภทต่างๆในสิงคโปร์ต่างรับบริการอี-เพย์เมนท์ของอาลีเพย์ บริษัทให้บริการการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีนทั้งนั้นแม้ในความเป็นจริงมีความชาวสิงคโปร์น้อยมากที่ใช้บริการนี้

“เรามีลูกค้าเป็นชาวจีน เลยต้องเอารูปแบบการจ่ายเงินของอาลีเพย์มาใช้”ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านทะเลทองทางธุรกิจในสิงคโปร์ กล่าว

แอนท์ กรุ๊ป บริษัทที่บริหารจัดการอาลีเพย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซจีนรุกเปิดตัวระบบการจ่ายเงินบนมือถือในตลาดต่างประเทศอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ก็เพื่อรองรับความต้องการของชาวจีน โดยปัจจุบันอาลีเพย์ได้รับการยอมรับในกว่า200 ประเทศและภูมิภาคและบริษัทเตรียมนำหุ้นออกขายแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ)พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าจะระดมเงินได้ตามเป้า

แอนท์ตั้งเป้าว่าจะระดมเงินทุนได้ 30,000 ล้านดอลลาร์ในการทำไอพีโอสองตลาดคือตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้า แอนท์ จะเป็นบริษัทที่ทำไอพีโอได้มากที่สุดในโลกและจะทำให้บริษัทมีโอกาศเต็มที่ที่จะดำเนินกลยุทธ์ต่างๆที่วางไว้เพื่อทำให้บริษัทเติบโตต่อไป โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ว่าคือ การลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอี-เพย์เมนท์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"เรายังคงแสวงหาโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศเพื่อให้บริการแก่บรรดาพ่อค้าและลูกค้าทั่วโลกได้รับและจ่ายเงิน รวมทั้งส่งเงินกลับบ้านได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งประกาศว่าบริษัทจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการจ่ายเงินและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพมามอบให้กับบรรดาหุ้นส่วนในธุรกิจอี-วอลเลท

อย่างไรก็ตาม ขณะที่แอนท์ มองเห็นโอกาสทองที่จะเติบโตนอกประเทศซึ่งทุกวันนี้ตลาดเริ่มอิ่มตัวแล้วนั้น ตลาดอี-เพย์เมนท์ในอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ธุรกิจอี-เพย์เมนท์และตลาดฟินเทคเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างผู้ให้บริการในท้องถิ่นและผู้ให้บริการระดับโลก

159926782610

ในอาเซียน แอนท์ ได้เข้ามาลงทุนในแอสเซนด์ มันนี ภายใต้แบรนด์ทรูมันนีของไทย ส่วนในอินโดนีเซีย ลงทุนในบริษัทดาน่า ในฟิลิปปินส์ลงทุนในบริษัทมินท์ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนกับบริษัทท้องถิ่นชั้นนำ เช่นเมื่อเดือนพ.ค.บริษัทประกาศลงทุนในดิจิทัล มันนี เมียนมา หรือที่ชาวเมียนมารู้จักกันดีในชื่อเวฟ มันนี ด้วยการเข้าไปถือหุ้น 33%

เมื่อแอนท์ลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้เล่นในท้องถิ่น แอนท์มักจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่นำมาให้หุ้นส่วนรายใหม่ของตนนอกเหนือจากเงินสด เช่นเทคโนโลยีและโนว์-ฮาว เช่นแอนท์มีศักยภาพในการให้คะแนนเครดิตที่สลับซับซ้อนในจีน

“การลงทุนในเวฟ มันนีจะช่วยให้เวฟนำประสบการณ์ของอาลีเพย์ไปใช้ส่งเสริมแผนการตลาดทางการเงิน ให้บริการการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องใช้สมุดบัญชีแก่ลูกค้าได้ดีขึ้นทั้งลูกค้ารายย่อยและบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี)ในเมียนมา”อีริค ยิ้ง ประธานบริหารของแอนท์ กล่าว

ตอนนี้แอนท์ได้ยื่นขออนุญาติดำเนินธุรกิจด้านการธนาคารดิจิทัลในสิงคโปร์ ประเภท “digital wholesale bank”ทำให้บริษัทให้บริการได้เฉพาะลูกค้ากลุ่มบริษัทเท่านั้น ขณะที่สิงคโปร์เป็นตลาดการเงินที่มีการแข่งขันดุเดือดและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งแอนท์อาจจะเล็งให้บริการเอสเอ็มอีที่บรรดาธนาคารทั่วไปไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก ต้องขอบคุณโนว์-ฮาวการให้คะแนนเครดิตและโมเดลธุรกิจที่ใช้ต้นทุนต่ำของแอนท์

แต่นี่ถือเป็นก้าวแรกของแอนท์ในสิงคโปร์ การได้ใบอนุญาติทำธุรกิจธนาคารดิจิทัลในสิงคโปร์อาจจะช่วยให้แอนท์ขยายธุรกิจไปยังที่อื่นๆได้ง่ายขึ้น ขณะที่ตลาดเพื่อนบ้านก็จับตาการเคลื่อนไหวของสิงคโปร์เกี่ยวกับธุรกิจธนาคารดิจิทัลเช่นกัน และทันทีที่แอนท์สร้างโมเดลธุรกิจในสิงคโปร์ได้สำเร็จ การรุกเข้าไปทำธุรกิจเดียวกันนี้ในประเทศอื่นๆก็ไม่ใช่เรื่องยาก เช่นในมาเลเซีย

การยื่นเอกสารสมัครเพื่อขอใบอนุญาติประกอบกิจการของบริษัทอื่นๆในสิงคโปร์ก็มี แกร๊บ บริษัทชื่อดังที่ให้บริการรถรับจ้าง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชันส์ โดยทำธุรกิจธนาคารดิจิทัลผ่านการร่วมทุนสามเส้าคือแกร๊บ สิงเทลและบริษัทเรเซอร์ บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์เกม

อย่างไรก็ตาม แม้แอนท์จะขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ แต่การใช้อาลีเพย์จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ชาวจีน ส่วนใหญ่อยู่ในแวดวงนักท่องเที่ยว เนื่องจากกฏระเบียบในท้องถิ่น แต่หากแอนท์ได้รับใบอนุญาติประกอบกิจการตามที่ต้องการ บรรดาพ่อค้า-แม่ค้าในท้องถิ่นที่เสนอการบริการอาลีเพย์อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของธุรกิจธนาคารดิจิทัลของแอนท์ก็ได้

“การทำไอพีโอจะเปิดโอกาสให้บริษัทมีเงินทุนมากขึ้น ซึ่งบริษัทอาจจะเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมหรือขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศที่พวกเขาเห็นว่าเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใสได้มากขึ้น”เซนนอน แคปรอน ผู้อำนวยการบริษัทแคปรอนเอเชีย บริษัทวิจัยทางการเงินมีฐานอยู่ในสิงคโปร์ ให้ความเห็น

รายได้จากธุรกิจการจ่ายเงินโดยรวมของแอนท์ในจีนเพิ่มขึ้นถึง 118 ล้านล้านหยวน (17 ล้านล้านดอลลาร์)ในปีนี้ นับจนถึงเดือนมิ.ย. กำไรสุทธิครึ่งแรกของปี2563 ทะยานถึง 21,000 ล้านหยวน เทียบกับ 1,300 ล้านหยวนในปีก่อนหน้านี้ อานิสงส์จากการระบาดของโรคโควิด-19ที่ทำให้ความต้องการในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและการส่งอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว

จำนวนผู้ใช้บริการจ่ายเงินบนมือถือในจีนที่ยังแอคทีฟอยู่มีจำนวน 711 ล้านคนในเดือนมิ.ย.ราวครึ่งของจำนวนประชากรประเทศ หมายความว่าตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัวแล้ว ขณะที่การแข่งขันจากวีแชท เพย์ ที่ดำเนินการโดยเทนเซนต์ โฮลดิงส์ คู่แข่งของอาลีบาบา ยิ่งเพิ่มแรงกดดันในการทำตลาดในจีนแก่อาลีเพย์มากขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจรุกขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างจริงจัง

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนมาช้านาน กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะสำหรับแอนท์ โดยเฉพาะในยามที่ตลาดพัฒนาแล้ว เริ่มมีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน อย่างกรณี ช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งผู้บริหารแบนแอพฯวีแชทและติ๊กต่อก แอพพลิเคชันยอดนิยมของจีน โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งก็ได้รับการตอบโต้จากรัฐบาลปักกิ่งด้วยการระงับการส่งออกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)