วัคซีนจะได้จริงหรือไม่? หุ้นกลุ่มไหนควรเก็บไว้ในพอร์ต

วัคซีนจะได้จริงหรือไม่? หุ้นกลุ่มไหนควรเก็บไว้ในพอร์ต

"วัคซีนโควิด-19" ความหวังของคนทั่วโลก แสงสว่างที่จะนำพาไปสู่ทางออกของวิกฤติโควิด-19 ที่ยังไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนจึงจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นในช่วงเวลาของความไม่แน่นอน สำหรับนักลงทุนแล้ว หุ้นกลุ่มไหนควรเก็บไว้ในพอร์ต หุ้นกลุ่มไหนควรลงทุน?

ท่ามกลางภัยพิบัติด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่และรุนแรงที่สุดของโลกในรอบเกือบศตวรรษ ทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบเท่าเทียมกันรวมทั้ง ปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา “การพัฒนาวัคซีน” ดูเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ยุติการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) และทำให้โลกก้าวเดินต่อไปได้

สถาบันวิจัยกว่า 200 แห่งทั่วโลก ต่างก็กำลังคิดค้นและพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 เมื่อผ่านไปเพียงแค่ 5 เดือนหลังการระบาดหนักในสหรัฐ พบว่ามีผู้พัฒนาวัคซีนอย่างน้อย 6 แห่ง ได้เข้าสู่กระบวนการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการทดลองในมนุษย์ขั้นสุดท้ายกับกลุ่มอาสาสมัครขนาดใหญ่มากกว่า 1,000 ราย เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้วัคซีนภายใต้สภาพแวดล้อมจริงก่อนที่จะได้รับการรับรองและเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไปช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว

กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียประกาศรับรองวัคซีนต้าน COVID-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันในประเทศ (Gamaleya) โดยตั้งชื่อว่า Sputnik-V พร้อมมีแผนเริ่มใช้ในวงกว้างเป็นประเทศแรกของโลกในเดือน ต.ค.นี้

ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญาของจีนได้อนุมัติสิทธิบัตรวัคซีนให้แก่บริษัท CanSino Biologics ด้วยเช่นกันภายหลังที่มีการทดลองใช้ในกองทัพได้ไม่นาน แม้ว่าวัคซีนของทั้งสองประเทศยังไม่เป็นที่ยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เนื่องจากยังไม่ผ่านกระบวนการทดสอบระยะที่ 3 แต่ก็น่าจะเป็นแรงผลักดันให้สถาบันวิจัยชั้นนำอื่น ๆ เร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อผลิตให้ทันใช้ภายใน 5-6 เดือนข้างหน้าก็เป็นไปได้

ในแง่การลงทุน ความสำเร็จของการพัฒนาวัคซีนย่อมส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม ไม่เว้นกระทั่งตลาดหุ้นไทย เพราะผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ต่างก็ประสบปัญหาด้านการดำเนินงานและผลกำไรซึ่งถือได้ว่าเป็นการตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หดตัวเกือบ 50% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดว่าทั้งปีจะติดลบราว 30-35%

อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่จากการค้นพบวัคซีนในระยะแรก เนื่องจากกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้ทั่วโลก จะทำให้วัคซีนมีราคาสูงและถูกใช้อย่างไม่ทั่วถึง

ฉะนั้นการลงทุนในช่วงนี้ควรเน้นเป็นหุ้นกลุ่มที่รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ กลุ่มอาหาร ค้าปลีก และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้อาจเพิ่มกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ซึ่งกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวตามวัฏจักรโลก ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ และโรงพยาบาล จะยังเห็นผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้า จนกว่าการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น นั่นแปลว่าเริ่มมีการใช้วัคซีนอย่างแพร่หลายแล้ว

ส่วนการลงทุนต่างประเทศ ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะหลายธุรกิจที่เฟื่องฟูในช่วงการระบาด อาจจะกลับกลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูต่อเนื่องได้ เพราะผู้บริโภคได้ทดลองใช้อย่างเต็มที่และทำให้เห็นข้อดีหลายอย่าง ทั้งเรื่องการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ได้แก่ Online platform Delivery application E-Commerce และ Medical Laboratory

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า COVID-19 ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทำให้โลกพัฒนาไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคเปิดรับสิ่งไม่อย่างรวดเร็ว และวัคซีนซึ่งถือว่าเป็นตัวพลิกเกม (Game changer) ที่จะนำโลกก้าวไปสู่วิถีใหม่ (New normal) อย่างแท้จริง

ในส่วนของนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีมากขึ้นหลังจากนี้ บลจ.วรรณ แนะนำ การลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน เพราะหุ้นกลุ่มการเงินที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไป โดยปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มการเงิน Laggard หุ้นกลุ่มอื่นๆ อย่างมาก จึงมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สูง

โดยกองทุนภายใต้บริหารของวรรณที่แนะนำ ได้แก่ กองทุน ONE-GLOBFIN ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินทั่วโลก ซึ่งกระจายการลงทุนในหุ้นที่เป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่ม Consumer Finance และกลุ่มอื่นๆที่เป็นการเงินแบบดั้งเดิม (Traditional Finance) ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมไปถึงหุ้นกลุ่ม Fintech ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ซึ่งช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่ดีให้กับกองทุน