เด้งรับตัวเลขการผลิตของสหรัฐ

เด้งรับตัวเลขการผลิตของสหรัฐ

ดัชนีวานนี้พลิกปิดปรับตัวลง 5.09 จุด โดยดัชนีเกิดแรงขายในภาคบ่ายซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะตัวภายในประเทศ

จากข่าวที่ว่า นายปรีดี ดาวฉาย (รมว.คลัง) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่และโซนยุโรปอยู่ในแดนบวก โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,305.57 จุด (-5.09 จุด) Volume 4.9 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,490.50 ลบ. TFEX Net +2,800 สัญญา ตราสารหนี้ +3,106 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 215.61 จุด +0.76% นลท.เข้าซื้อหุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 เช่น หุ้น Zoom และสหรัฐรายงานดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 15 เซนต์ +0.4% ปิดที่ 42.76 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า และเฟดส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอีกนาน

+ สหรัฐรายงานดัชนีภาคการผลิตพุ่งสูงสุดรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนส.ค.

- ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนปรับตัวลงในเดือนส.ค.

-สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค.

-ราชกิจจาฯ ประกาศ"ปรีดี ดาวฉาย"พ้นตำแหน่ง รมว.คลังหลังขอลาออก ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนลท.ด้านการบริหารศก.ประเทศไทย

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 14.93 จุด +0.44%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 1.69 จุด -0.01% เช้านี้เปิดบวก 123.02 จุด รับความหวังศก.โลกฟื้นตัวต่อเนื่อง

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.54 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.06 บาท/US

*จับตาศบศ.พิจารณามาตรการกระตุ้นศก.และเพิ่มการจ้างงาน สหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก ได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงกดดันจากข่าวรมว.คลังยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,320 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

CK  ( มุมมองบวก  ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 23.37 บาท)

  • ผลประกอบการ 2Q20 มีรายได้ก่อสร้างที่ระดับ 3,971 ล้านบาท -26%QoQ โดยมีสาเหตุมาจาก โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ได้ส่งมอบงานแล้วในปี 2562  และหลายโครงการอยู่ในช่วงปลายโครงการ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 9%  ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 63.7 ล้านบาท พลิกจาก 1Q20 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 112.3 ล้านบาท
  • คาดผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q20 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และน้ำแล้ง และคาดว่าผลประกอบการจะกลับเข้าสู่สภาวะปรกติอีกครั้งตั้งแต่ 3Q20 โดยในช่วง 2H20 คาดว่างานโครงการต่างๆจะกลับมาเริ่มประมูลตามแผนอีกครั้งหลังจากวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่อย่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม  มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท ที่กำหนดยื่นซอง 23 ก.ย.63 โดยบริษัทคาดยอด Backlog ที่ระดับ 1.5-2.0 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยูที่ระดับ 3.0 หมื่นล้านบาท
  • ความเห็น เรามีมุมมองเป็นบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q20 และเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น และมีงานโครงการขนาดใหญ่ที่เตรียมเข้าประมูลอีกหลายโครงการ

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นกลุ่มจำหน่าย Mobile Device (COM7 SPVI JMART SIS SYNEX)
  • ครม.เพิ่มสิทธิ์ 'เราเที่ยวด้วยกัน' (ERW MINT CENTEL AAV BA)

หุ้นมีข่าว

(+) WICE (Bloomberg Consensus 5.90 บาท) ส่งซิกรายได้ปีนี้มีโอกาสทะลุเป้าโตเกิน 2.7 พันล้านบาท เหตุครึ่งปีหลังมีสัญญาณบวก! กลุ่มลูกค้าอิเล็กทรอนิกส์เข้าไฮซีซั่น-กลุ่มออโต้ฟื้น! หนุนดีมานด์ขนส่งสินค้าพุ่ง แถมบุ๊กกำไร WICE SG เต็มไตรมาสตั้งแต่ Q3 นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) FPI (Bloomberg Consensus - บาท) มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังพลิกมีกำไร อานิสงส์แนวโน้มความต้องการของลูกค้าฟื้น! หลังการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย สมพลลั่นมุ่งเน้นรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ฯ ควบคู่ไปกับการผลิตสินค้าที่มาร์จิ้นสูง และขยายตลาดอินเดีย นอกจากนี้เตรียมบุ๊กกำไรพิเศษขายหุ้น SAFE กว่า 29 ล้านบาทในไตรมาส 4/63  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TU (Bloomberg Consensus 16.40 บาท)  แจ้ง TUINA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาซื้อหน่วยลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster เพิ่ม 13.68% ส่งผลให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่เดินหน้าขยายธุรกิจ หนุนการเติบโตในอนาคต (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ICHI (Bloomberg Consensus 10.90 บาท) อิชิตันปักธงผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น จ่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ ผนึกพันธมิตรดันยอดขาย พร้อมบริหารจัดการต้นทุน เน้นทำตลาดออนไลน์ หนุนปี 63 รายได้โต 5% กำไรสุทธิพุ่งไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NER (Bloomberg Consensus 4.35 บาท) STA (Bloomberg Consensus 45.40บาท)   รับอานิสงส์ราคายางพาราพุ่งแรง จับตาผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น ฟากโบรกส่อง NER ได้รับประโยชน์สูงสุด ออเดอร์บางส่วนที่ไม่ได้ทำราคาขายล่วงหน้าและออเดอร์ลูกค้าใหม่ที่เข้ามาก็มีโอกาสที่จะทำสัญญาขายได้ในราคาที่สูง เคาะเป้าหมาย 5 บาท ส่วน STA คาดกำไรครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ยอดขายถุงมือยางหนุน เคาะราคาเหมาะสมที่ 43 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AIT (Bloomberg Consensus -บาท)  ฉายแววผลงานครึ่งหลังปีโดดเด่น ไตรมาส 3/2563 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดในปีนี้ ใส่เกียร์ลุยประมูลงานใหม่ทั้งส่วนรัฐ-เอกชน ต่อเนื่องอีก 9,600 ล้านบาท ขณะที่มีงานอยู่ระหว่างการประมูลอีก 1,130 ล้านบาท คาดหวังได้งาน 70% อวดแบ็กล็อกหนา 7,160 ล้านบาท คาดรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2563 เติบโตเข้าเป้าแตะ 6,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(-) TRC (Bloomberg Consensus - บาท) TRC ลุ้นแบ็กล็อกสิ้นปีแตะ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันกำงานในมือ 8,600 ล้านบาท คาดอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีที่ 6.8-7% ย้ำรายได้ปีนี้ 4.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ หลังโควิด-19 พ่นพิษทำให้ส่งมอบงานล่าช้า ขณะที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานใหม่ มูลค่า 1,657 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BIZ (ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.89) รุกประมูลงานใหม่กว่า 1 พันล้านบาท เติมแบ็กล็อกปัจจุบันที่มีอยู่ 1.85 พันล้านบาทฉายภาพครึ่งปีหลังสดใสกว่าครึ่งปีแรก หลังโควิด-19 คลี่คลาย ฟากบอสใหญ่ "สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์" เตรียมส่งมอบโครงการใหญ่ในมือเพียบ มั่นใจดันผลงานปีนี้โต 10-15% ตามเป้า เร่งรับรู้รายได้งานในมือเต็มที่ (ที่มาทันหุ้น)