ผลสอบ 'วิชา' ชี้สมคบช่วย 'บอส' นายกฯจี้เอาผิด-นับหนึ่งคดีใหม่

ผลสอบ 'วิชา' ชี้สมคบช่วย 'บอส' นายกฯจี้เอาผิด-นับหนึ่งคดีใหม่

เปิดผลสอบคดี “บอส อยู่วิทยา” ชี้ทำเป็นกระบวนการ เจตนาช่วยผู้ต้องหาพ้นผิด และสมยอมโดยไม่สุจริต ตร.บกพร่อง ไม่แย้งคำสั่งอัยการ “วิชา” ชงนับอายุความทางคดีหลังได้ตัวผู้ต้องหา นายกฯขีดเส้น 30 วัน

เอาผิดคดีที่ยังไม่หมดอายุความ “ทนายตระกูลอยู่วิทยา” ค้านผลสอบ ระบุไม่เหมาะชี้ถูกผิด

วานนี้ (1 ก.ย.) นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณี “สั่งไม่ฟ้อง” นายวรยุทธ อยู่วิทยา เปิดเผยผลสอบสวนคดีดังกล่าว โดยระบุในเอกสารตอนหนึ่งว่า สำหรับผลสอบของคณะกรรมการนั้น มีความเห็นว่า การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาของนาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เป็นการใช้อำนาจ และดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และน่าเชื่อว่ามีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษ

“เพราะเหตุของการเจาะจงให้มีการสอบเพิ่มเติม และรับฟังเฉพาะพลอากาศโท จ. และนาย จ. ซึ่งเป็นพยานเคยถูกสอบไปแล้วในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งก่อนหน้า มิใช่พยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด”

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการมีความบกพร่อง เนื่องจากไม่พิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของนาย น. ด้วยความรอบคอบ การอ้างว่าการออกคำสั่งเกิดจากการพิจารณาสั่งการตามความเห็นของเจ้าพนักงานตำรวจตามลำดับชั้น และเข้าใจว่าเป็นการสั่งคดีความผิดเกี่ยวกับจราจรธรรมดาทั่วไปนั้น เป็นข้ออ้างที่คณะกรรมการเห็นว่าฟังไม่ขึ้น

“ในขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้มอบอำนาจซึ่งมีหน้าที่ต้องกำกับ ติดตามผลการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจ”

ชี้พบขบวนการสมยอมโดยไม่สุจริต

ขณะที่ นาวิชา แถลงว่า เรื่องนี้บกพร่องตั้งแต่ทำสำนวน มีการตั้งข้อหาดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ซึ่งไม่เป็นธรรม ทำให้รูปคดีเสียหายหนัก แม้ทางครอบครัวจะได้เงินเยียวยา ทั้งนี้การตั้งสำนวนนั้นตั้งเพื่อให้หลุด พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำงานแบบมืออาชีพ ไม่เอาจริง แล้วสั่งไม่ฟ้อง เช่น เมาแล้วขับ

นอกจากนั้น คดีนี้ในเวลานานถึง 6 เดือนในการสอบสวน โดยไม่ได้ตัวมาส่งฟ้องต่อศาล อัยการหลายคนที่เป็นคนดีขององค์กรพยายามต่อสู้ เนื่องจากคนทำให้องค์กรเสื่อม ถูกข้อครหา จึงต้องรักษาองค์กรเอาไว้ ทั้งนี้ ในคดีนี้มีการร้องขอความเป็นธรรม ถึง 14 ครั้ง จึงสำเร็จ

“มีการร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ ทนายความ และอัยการท่านหนึ่งอยู่ในกระบวนการด้วย ดังนั้น คณะกรรมการฯจึงเห็นตรงกันว่า การทำสำนวนเป็นการสมยอมโดยไม่สุจริต ตามทฤษฎีสมคบคิด ทำให้สำนวนเสียไปตั้งแต่ต้น เป็นต้นไม้พิษ ผลก็เป็นพิษ ต้องตัดทิ้งทั้งหมด ต้องดำเนินการสอบใหม่ โดยเริ่มนับหนึ่ง บางข้อหาที่หมดอายุความช่วยไม่ได้”

ชงนับอายุความหลังได้ตัวผู้ต้องหา

ทั้งนี้ข้อเสนอแนะมีเรื่องอายุความ แนะว่าแก้ไขด่วน อายุความหยุดลงเมื่อผู้ต้องหาหลบหนี แบบเดียวกับคดีทุจริต โดยจะนับอายุความต่อเมื่อได้ตัวผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องคนที่เป็นผู้นำองค์กรที่ปล่อยปละละเลย อาจไม่มีข้อมูลแท้จริงในทางอาญา วินัย แต่สามารถดำเนินการได้ในทางจริยธรรม โดยป.ป.ช. ก่อนส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยอาจพ้นจากตำแหน่งได้ ทั้งนี้ จากการสรุปรายงานมีผู้ทำผิดประมาณ 10 คน ทั้งตำรวจและอัยการ

ขีดเส้น30วันเอาผิดคดีไม่หมดอายุความ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ออกข้อความจากนายกรัฐมนตรีต่อผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ภายหลังนายวิชา มหาคุณ ส่งผลการสอบสวน โดยระบุว่า ตนได้อ่านเอกสารทุกหน้า และรู้สึกว่าสิ่งที่ได้อ่าน เป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากสำหรับประเทศไทย

โดยตนไม่ใช่คนที่จะตัดสินได้ว่า นายวรยุทธ มีความผิดหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่ศาล และผู้พิพากษาจะเป็นผู้ตัดสิน ตามหลักกฎหมาย และหลักฐานต่างๆ ที่นำมาประกอบคดี อย่างถูกต้อง แต่สิ่งที่ตนสามารถทำได้ และตนจะทำ คือคดีนี้จะต้องเข้าสู่กระบวนการเร่งด่วน และให้ตำรวจดำเนินคดีต่อ “บอส” ในคดีที่ยังไม่หมดอายุความ ภายใน 30 วัน

“เราต้องไม่ปล่อยให้คนหลุดพ้นจากกระบวนการยุติธรรม โดยใช้วิธีถ่วงเวลาให้หมดอายุความ และผมถือว่าการปล่อยให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องที่เลวร้ายด้วยเหมือนกัน”

รับ5ข้อเสนอ-สั่งลุยคดีไม่ขาดอายุความ

ก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าวันนี้เป็นคดีที่คาใจประชาชน และสังคม วันนี้ข้อเสนอแนะ 5 ข้อของคณะกรรมการฯ ที่คณะกรรมการฯ เสนอมา ประกอบด้วย 1. ยกคดีขึ้นเพื่อดำเนินการใหม่โดยเฉพาะคดีที่ยังไม่ขาดอายุความ ซึ่งเรื่องนี้ดำเนินการได้อย่างแน่นอนมี 2-3 คดี ที่มีอยู่ 2.ดำเนินคดีและดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย 3. ในบางเรื่องมีความชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่แต่ต้องตรวจสอบพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องในเชิงจริยธรรม

“วิชา”ทำต่อ30วัน-ปฏิรูปก.ม.ยุติธรรม

4.ซักซ้อมเกี่ยวกับความเข้าใจการมอบอำนาจของผู้บังคับบัญชาว่าจะทำอย่างไรเมื่อรับมอบไปแล้วจะรับผิดชอบ อย่างไรก็ต้องไปดูและแก้ไขกฎระเบียบอีกหลายเรื่อง ในส่วนอัยการนั้นก็เป็นอิสระ ในส่วนของทนายความ ก็มีสภาทนายความที่จะไปดูแลว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า และรัฐบาลจะมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.เป็นศูนย์กลางติดตามดูแลประสานงาน ในการดำเนินการความก้าวหน้า พร้อมรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

และ 5. ทางคณะกรรมการฯ ขอทำงานต่ออีก 30 วัน เพื่อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในเชิงปฏิรูปให้เกิดความชัดเจน ซึ่งได้พูดคุยกันแล้วว่าจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงซึ่งต้องช่วยกันผลักดันต่อไปเพราะฉะนั้นถ้าใครมีเบาะแสหรือข้อเสนอแนะอะไรก็ขอให้ส่งกับทางคณะกรรมการฯ

“ทนาย”ค้านผลสอบ-ไม่เหมาะชี้ถูกผิด

นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความตระกูลอยู่วิทยา ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีรายงานผลสอบดังกล่าวว่า ตนไม่ใช่ทนายผู้รับมอบอำนาจเพื่อทำคดีดังกล่าว อย่างไรก็ดีคดีดังกล่าวมีการตั้งทนายความผู้รับมอบอำนาจแล้ว แต่ตนไม่ขอเปิดเผย อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงช่วงแรก คือ วันเกิดเหตุเท่านั้น โดยตนเป็นคนพานายวรยุทธ เข้ามอบตัวที่สน.ทองหล่อเท่านั้น

“วันที่พาน้องบอสเข้ามอบตัว และขอประกันตัวนั้น มีตำรวจผู้ใหญ่ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ระบุว่าต้องให้น้องบอสให้การก่อนทำเรื่องขอประกันตัว และเมื่อดำเนินการตามขั้นตอน จนถึงเวลา 16.00 น. ได้พาตัวไปตรวจเลือด ก่อนจะต่างคนต่างกลับ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าพนักงานสอบสวนเป็นใคร ทราบว่าตั้งทีมทำงาน โดยผมไม่ได้ทำอะไรอีก และทราบเรื่องอีกครั้งคือ ตอนที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี” นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร ให้ความเห็นต่อรายงานของนายวิชา ว่า การทำหน้าที่เพื่อเสนอความเห็นปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมทำได้ แต่ไม่เหมาะสมที่จะชี้ความถูกความผิดของคดี เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ อัยการ ผู้สอบสวน ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ที่สอบตำรวจ อัยการว่าผิดหมดทุกขั้นตอน ทั้งที่การต่อสู้คดี เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนตำรวจตั้งข้อหาว่า ด.ต.วิเชียร ซึ่งเสียชีวิตแล้วเป็นผู้มีความผิดร่วมด้วยตนไม่ทราบมาก่อน

ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวอยากให้นายวรยุทธเข้ามาต่อสู้ทางคดี แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน และติดต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตนไม่ใช่ทนายความตามรายงานของนายวิชา ที่ระบุว่าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายและเสนอให้ถูกลงโทษ