ไม่มีที่ว่าง ให้มืออาชีพ

ไม่มีที่ว่าง ให้มืออาชีพ

หากย้อนกลับไป การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ผิดพลาดตั้งแต่กรอบคิดที่นายกฯบอกว่าเพื่อตอบโจทย์ทางการเมือง ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีที่ว่างให้มืออาชีพ ผลจึงเป็นเช่นวันนี้ ดังนั้นหากนายกฯไม่เร่งแก้จุดเปราะบาง ไม่เพียงเฉพาะรัฐบาลที่พัง แต่รวมถึงประเทศด้วย

การตัดสินใจลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของ "ปรีดี ดาวฉาย" สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน “ไม่มีที่ว่างให้มืออาชีพ” ทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 และเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2563 หากนับตั้งแต่วันถวายสัตย์ฯ 12 สิงหาคม เท่ากับว่า ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพียง 21 วันเท่านั้น

แม้จะแจ้งในหนังสือลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งอาจจะมีอยู่จริง แต่ก่อนรับตำแหน่งก็ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ดังนั้นหัวใจหลักครั้งนี้ มาจากสาเหตุคนที่เป็นมืออาชีพต้องการเข้ามาแก้ปัญหาประเทศจริงจังกลับไม่มีที่ยืน ต้านทานแรงเสียดสอดบีบของนักการเมืองไม่ไหว จนต้องป่วย

ซึ่งต้องย้อนกลับไปก่อนหน้าปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกรกฎาคม นายกรัฐมนตรียอมรับเองว่า กำลังหาคนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แต่ส่วนใหญ่เลือกปฏิเสธและเลือกขอช่วยงานข้างหลังแทนข้างหน้า 

นายกรัฐมนตรีไม่ได้อธิบายเหตุผล ถึงสาเหตุที่ถูกปฏิเสธ คนแล้วคนเล่า แต่พอทราบดีว่า กลุ่มคนมืออาชีพต่างๆ หวั่นกลัวการเมือง เพราะขนาดอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน ยังเอาตัวไม่รอดจากกระแสเชี่ยวกราก ที่บีบให้ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้

ขนาดอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน ยังเอาตัวไม่รอดจากกระแสเชี่ยวกราก ที่บีบให้ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้

หรือตัวอย่างอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ว่ากันว่ามี ส.ส.ในสังกัด ก็ยังเอาตัวไม่รอด นับประสาอะไร กับ "ปรีดี ดาวฉาย" ที่ไม่มีเส้นทางเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองเลย ยากที่จะต้านทาน

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะพยายามยับยั้ง แต่ก็สายไปแล้ว เพราะสถานการณ์ถูกกดดันในแต่ละวัน ตอกย้ำบทสรุปว่า ปลาคนละน้ำ นักการเมืองกับมืออาชีพ ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยากที่จะทำงานร่วมเส้นทางเดียวกัน เพราะหากใครย้อนไปดูประวัติการทำงานของ ปรีดี ดาวฉาย ตั้งแต่อยู่แบงก์กสิกรไทย จนขยับเป็นผู้บริหารสูงสุด แสดงถึงความเป็นมืออาชีพโดยแท้

ตอกย้ำบทสรุปว่า ปลาคนละน้ำ นักการเมืองกับมืออาชีพ ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยากที่จะทำงานร่วมเส้นทางเดียวกัน

หากย้อนกลับไป อันที่จริงผิดพลาดตั้งแต่กรอบคิดของการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว เมื่อปลด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอีก 3 รัฐมนตรีออกไป และนายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่า ปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อตอบโจทย์ทางการเมือง เท่ากับว่าตั้งโจทย์ผิด คำตอบจึงออกมาไม่ตรงกับปัญหาดำรงอยู่ ผลก็เป็นเช่นที่เห็นวันนี้

สิ่งแวดล้อมในรัฐบาลที่ไม่เปิดทางให้มืออาชีพอยากเข้ามา โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง นั้นทุกคนทราบดีเมื่อมาดำรงตำแหน่งแล้ว ต้องถูกเว้นวรรคเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการเงิน 2 ปี เท่ากับเป็นการเสียสละ นอกเสียจากคนที่ต้องการตักตวงผลประโยชน์ ที่ไม่สนใจเงื่อนไขต่างๆ ดังนั้นหากนายกฯ ไม่เร่งแก้จุดเปราะบาง ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่พังเฉพาะรัฐบาล ประเทศอาจจะต้องพังไปด้วย เพราะต้องอย่าลืมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือหัวใจของการแก้ปัญหาวิกฤติประเทศนับจากนี้