Sideway

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,310.66 จุด (-12.65 จุด) Volume 5.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ -6,407.80 ลบ. TFEX Net -2,995 สัญญา ตราสารหนี้ -641 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 223.82 จุด -0.78% จากแรงขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นในตลอดช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 36 เซนต์ -0.8% ปิดที่ 42.61 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 25 ล้านรายแล้ว

-เฟดดัลลัสเผยดัชนีภาคการผลิตร่วงในเดือนส.ค. หลังดีดตัวติดต่อกัน 3 เดือน

-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เหตุวิตกโควิดระบาดซ้ำ

-อินเดียเผย GDP หดตัว 23.9% ใน Q2/63 รุนแรงเป็นประวัติการณ์จากพิษโควิด

+ธปท.ระบุเศรษฐกิจ ก.ค.ดีขึ้นต่อเนื่องตามการใช้จ่ายภาครัฐ-คลายล็อกดาวน์

-ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 5 แห่งของจีนเปิดเผยผลกำไรครึ่งปีแรกลดลงอย่างน้อย 10%yoy เนื่องจากต้องกันสำรองมากขึ้นเพื่อรองรับหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

-ธปท.เตรียมปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้ลง 1.3 ล้านคน เหลือ 6.7 ล้านคน จากเดิม 8 ล้านคน ฉุด GDP ดิ่งลงอีก 0.5% แต่เศรษฐกิจโดยรวมเดือน มิ.ย.-ก.ค.63 ดีเกินคาดจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองและคนเริ่มท่องเที่ยว-ใช้จ่ายมากขึ้น

-ธปท.รายงานภาวะการลงทุนภาคเอกชน ยังหดตัวต่อเนื่อง

-ตลาดหุ้นโตเกียว เช้าเปิดลบ 50.13 จุดจากขายทำกำไร

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.54 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.06 บาท/US

*จับตาการประชุมครม. สหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังวิตกกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ของประเทศเพื่อนบ้าน ว่าจะมีการลักลอบเข้าไทย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,315 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

CKP คาด 3Q63 พีคสุด แนะนำเก็งกำไร Consensus 5.43

• คาดผลประกอบการ 1H63 ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเนื่องจากเขื่อนไซยะบุรีและน้ำงึม 2 ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเริ่มกลับมาสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยเฉพาะเขื่อนไซยะบุรีที่น้ำไหลเข้าเขื่อนสูงถึง 8,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที(สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที) ส่งผลให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิตครบทั้ง 7 เครื่องช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q63 นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวลงในอนาคต
• แผนการลงทุนใหม่เขื่อนหลวงพระบางยังอยู่ระหว่างทำการศึกษา และอยู่ระหว่างทำ Due diligence โดยคาดว่าจะสามารถสรุปการลงทุนในโครงการดังกล่าวได้ภายในปลายปี 63 ซึ่งจะเป็น upside risk ต่อ CKP ในอนาคต
• ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 3Q63 ซึ่งคาดว่าจะสูงที่สุดในปีนี้ และคาดว่าผลประกอบการ 4Q63 จะเติบโต YoY อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับตัวสูงกว่า Bloomberg Consensus ที่ 5.43 จึงแนะนำให้ “เก็งกำไร”

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
• หุ้นกลุ่มจำหน่าย Mobile Device (COM7 SPVI JMART SIS SYNEX)
• ครม.เพิ่มสิทธิ์ 'เราเที่ยวด้วยกัน' (ERW MINT CENTEL AAV BA)

หุ้นมีข่าว

(+) AOT (Bloomberg Consensus 56.10 บาท) “เรืองไกร” ร้องสตง.สอบ AOT ปมแก้ไขสัญญากับ “คิง เพาเวอร์” หวั่นเอื้อประโยชน์เอกชนจนทำให้ “รัฐเสียหาย” เหตุคลังถือหุ้นใหญ่ 70% ยกตัวเลขอ้างอิงหุ้นปรับลง 1 บาท มูลค่าหุ้นที่คลังถืออยู่หายไป 10,000 ล้านบาท และปันผลลด 1 บาท เงินที่คลังควรได้หายวับ 10,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BAM (Bloomberg Consensus 28.00 บาท) ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จับตาไตรมาส 3/63 กลับมามีกำไรกว่า 1.16 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ยังไม่รวมบันทึกจากรายการภาษีสินทรัพย์ล่วงหน้า หรือ DTA อีกประมาณ 2-3 พันล้านบาท โบรกฯ เผยช่วงราคาย่อตัวเป็นโอกาสเข้าซื้อ(ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EP (Bloomberg Consensus - บาท)  บอร์ด EP ไฟเขียวสร้างวินด์ฟาร์ม 4 โครงการในเวียดนาม รวม 160 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 7,040.92 ล้านบาท คาด COD ต.ค. 64 ฟัน EIRR ราว 20-25% พร้อมเพิ่มทุน 552.94 ล้านหุ้น ขาย RO-PO-PP ระดมทุนรองรับแผนลงทุน จ่อชงที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ 28 ต.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) GUNKUL (Bloomberg Consensus 3.46 บาท)   “เรืองไกร” ร้องสตง.สอบ AOT ปมแก้ไขสัญญากับ “คิง เพาเวอร์” หวั่นเอื้อประโยชน์เอกชนจนทำให้ “รัฐเสียหาย” เหตุคลังถือหุ้นใหญ่ 70% ยกตัวเลขอ้างอิงหุ้นปรับลง 1 บาท มูลค่าหุ้นที่คลังถืออยู่หายไป 10,000 ล้านบาท และปันผลลด 1 บาท เงินที่คลังควรได้หายวับ 10,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) DRT (Bloomberg Consensus 5.50 บาท) บอร์ด DRT ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.20 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 23 ก.ย. 63 ตอกย้ำหุ้นสร้างผลตอบแทนดี-สม่ำเสมอ กางแผนช่วงที่เหลือของปี มุ่งทำยอดขายทุกช่องทาง (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NDR (Bloomberg Consensus - บาท) แย้มรายได้ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เหตุดีมานด์เริ่มกลับมาปกติตั้งแต่ มิ.ย. 63 ส่วนรายได้ปี 63 ใกล้เคียงปีก่อน หลังครึ่งปีแรกโควิด-19 ฉุดรายได้ทรุด! คาดครึ่งปีหลังไม่กลับไปขาดทุน หนุนทั้งปี 63 พลิกมีกำไรสุทธิ (ที่มา ข่าวหุ้น)