แม่ฮ่องสอนเตรียมปิดชายแดน 15 วัน-ป้องกัน 'โควิด-19'

แม่ฮ่องสอนเตรียมปิดชายแดน 15 วัน-ป้องกัน 'โควิด-19'

จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีมติเตรียมปิดด่านการค้าชายแดนทุกช่องทาง 15 วัน ห้ามคน ยานพาหนะ สินค้าทุกชนิด เข้าออกโดยเด็ดขาด ป้องกัน "โควิด-19" ดีเดย์ 3 ก.ย.นี้ หลังเกิดระบาดระลอก 2 ในเมียนมา

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.63  ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.อ.โสภณ นันทสุวรรณ รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร นายแพทย์ศุภชัย บุญอำพันธ์นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประชุมพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการระบาดระลอกที่ 2 ในรัฐยะไข่ และอีกหลายรัฐ ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะรัฐยะไข่ มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัฐโควิด-19 แล้ว กว่า 700 คน ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีแนวเขตติดต่อกับประเทศเมียนมาตลอดแนวชายแดน จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

159886253161

นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ปัจจุบันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีคำสั่งปิดชายแดนช่องทางจุดผ่อนปรนทั้ง 5 แห่งไปแล้วในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้ผ่อนปรนให้มีการส่งออกเฉพาะสินค้าชายแดนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา ได้แก่ จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางห้วยต้นนุ่น หมู่ที่ 4 ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม , จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านแม่สามแลบ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย และจุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านห้วยผึ้ง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

159886254577

แต่ขณะนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดหนักที่รัฐยะไข่ เมืองซิตตเว ซึ่งเป็นเมืองเอกของประเทศเมียนมา จนทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองซิตตเวอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีมติปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกช่องทางเป็นเวลา 15 วัน นับจากวันที่มีประกาศอย่างเป็นทางการ คาดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2563 เป็นต้นไป ห้ามคน ยานพาหนะ สินค้าทุกชนิด เข้าออกโดยเด็ดขาด รวมทั้งศูนย์อพยพทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกด้วย

ส่วนผู้ป่วยที่อยู่ภายในศูนย์พักพิงหรือศูนย์อพยพสามารถเข้ามาตรวจรักษาในโรงพยาบาลในตัวเมืองหรือโรงพยาบาลอำเภอได้ตามปกติ แต่ถ้าหากพบมีเชื้อไวรัสก็ให้อยู่ภายในศูนย์อพยพ ยกเว้นหากมีผู้ป่วยรุณแรงก็สามารถเข้ามารักษาในตัวเมืองได้ ทุกช่องทางเข้าออกจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด