ขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ

ขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดปรับตัวขึ้นราว 24 จุด ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน มีความคืบหน้า ประกอบกับเฟดส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ ด้วยเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยมากกว่า 2%

นอกจากนี้ ดัชนียังถูกหนุนด้วยกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นรายตัว อาทิ VGI ที่มีข่าว Kerry Express เตรียมยื่น Filing เข้าตลาด ขณะที่วันศุกร์ดัชนี SET Index ปิดลดลงเล็กน้อยที่ 1,323.31 จุด (-3.50 จุด) Volume 5.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ 3,816 ลบ. TFEX Net -16,004 สัญญา ตราสารหนี้ -2,954 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 28,653.87 จุด เพิ่มขึ้น 161.60 จุด +0.57% ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐที่ดีเกินคาด และการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจน +2.6% ในเดือนส.ค. +8%

+สหรัฐเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) +0.3% ในเดือนก.ค.

+สศค.เผยเศรษฐกิจภูมิภาคก.ค.ทยอยฟื้นตัว หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ กิจกรรมศก.เริ่มขับเคลื่อนได้

+จีนเผยดัชนี PMI ภาคบการพุ่งแตะ 55.2 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตชะลอตัวลงแตะ 51 แต่ยังขยายตัว

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 7 เซนต์ -0.2% ปิดที่ 42.97 ดอลลาร์/บาร์เรล นลท.คลาวกังวลพายุเฮอริเคนลอราสร้างความเสียหายน้อยกว่าคาด ในรอบสัปดาห์นี้ +1.5%

-สบน.เตรียมทบทวนเป้านี้สาธารณะใหม่หลังกู้เพิ่ม

-"อาเบะ" ประกาศลาออกจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจากปัญหาสุขภาพ

+/-สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม แต่สถานการณ์ภายนอกยังเสี่ยงจากการระบาดซ้ำ

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต 3,403.81 จุด เพิ่มขึ้น 53.69 จุด +1.60%

-ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ 22,882.65 จุด ลดลง 326.21 จุด -1.41%

*จับตาธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนสหรัฐเผยดัชนีการผลิตเดือนส.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังมีข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในข้อตกลงเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 วงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ และการที่ เฟด ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,315-1,335 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

XO ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.90

  • คาดรายได้ 3Q63 จะเติบโตต่อเนื่องจาก 2Q63 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในทวีปยุโรป และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตและต้นทุนการผลิต(น้ำตาล กระเทียม และพริก)ทรงตัวใกล้เคียง 2Q63 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงที่ 39-42% ด้านค่าใช้จ่ายในการขายทรงตัวในระดับต่ำเนื่องจากการให้โปรโมชั่นลดลงและไม่มีออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
  • คาดเงินปันผล 2H63 มีโอกาสสูงกว่าใน 1H63 ที่ 0.168 บาทต่อหุ้น (Payout ratio 50%) เนื่องจาก บริษัทมีเงินสดเกือบ 288 ลบ. โดย 1H63 ธุรกิจสร้างกระแสเงินสดได้อีกราว 80-90 ลบ. ทำให้ 2H63 มีโอกาสเพิ่ม Payout ratio จากระดับ 50% ได้
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 3Q63 ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียง 2Q63 ที่ 90 ลบ. ทั้งนี้คาดว่ารายได้และกำไรปี 63 จะทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา เราแนะนำ ซื้อที่ราคาเหมาะสม 13.90 บาท

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นกลุ่มจำหน่าย Mobile Device (COM7 SPVI JMART SIS SYNEX)
  • ครม.เพิ่มสิทธิ์ 'เราเที่ยวด้วยกัน' (ERW MINT CENTEL AAV BA)

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 56.02 บาท) เตรียมปิดดีลโรงไฟฟ้า LNG to Power ในเวียดนามอีก 2,700 เมกะวัตต์ คาดได้เซ็น PPA ช่วงต้นปี 64 จากก่อนหน้านี้ลงนามร่วมกับปิโตรเวียดนามไปแล้ว 3,000 เมกะวัตต์ พร้อมอัดงบลงทุน 1.8 แสนล้านบาท ขยายลงทุนดันเป้ากำลังผลิตพุ่งแตะ 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 68  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 6.47 บาท) ลุ้นงบครึ่งปีหลังสวย! จากแนวโน้มส่งออกคอนเทนต์ต่างประเทศฟื้นตัว ต้นทุนจัดจำหน่ายปรับลดลง ล่าสุดปิดดีลลูกค้ามาเลเซียเพิ่ม เตรียมขนคอนเทนต์ใหม่ส่งมอบลูกค้าตามแบ็กล็อก พร้อมเดินหน้าเปิดตลาดประเทศใหม่ๆ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) VL (Bloomberg Consensus - บาท)  คาดงบ Q3 โตกว่า Q2 หลังดีมานด์ใช้น้ำมันขยายตัว-อัตราการใช้เรือในไทยและต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ส่วนการต่อเรือใหม่ เรือ VL.23คืบหน้า 40% คาดพร้อมบริการไตรมาส 1/64ซีอีโอลั่นกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) GULF (Bloomberg Consensus 37.91 บาท)   เตรียมได้เงินปันผลจาก INTUCH ราว 294.73 ล้านบาท ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ขณะที่บอร์ดไฟเขียวเข้าถือหุ้น INTUCH เพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบัน 256.28 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.99% หวังสร้างผลตอบแทนในรูปเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NCH (Bloomberg Consensus - บาท) เตรียมโครงการแนวราบใหม่เพิ่ม 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท มั่นใจยอดขายครึ่งปีหลัง 2563 จะยังคงเติบโตขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก ตุน Backlog ในมือ 600 ล้านบาท ส่วนรายได้ทั้งปี 2563 คาดว่าจะทำได้ 1,800 ล้านบาท ตามเป้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CPALL (Bloomberg Consensus 79.09 บาท)  ได้สิทธิ์แฟรนไชส์ลุย 7-11 ในลาวแล้ว โอกาสเติบโตสูง ขณะที่ CPF ดีไม่เลิก AFS กดดันการเลี้ยงหมูรอบใหม่ ดันราคา หมู-ไก่ทรงตัวระดับสูงถืงสิ้นปี 2563 สวนต้นทุนอาหารที่ทรงตัวระดับต่ำ หนุนกำไรปกติทั้งปี 2563 โต 41.8% คาดปิดดีล Tesco ได้สิ้นปีนี้ แนะ "ซื้อ" เป้า 40 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MBK (Bloomberg Consensus 17.00 บาท)  คาดผลงานครึ่งปีหลัง 2563 ฟื้นตัว ลุยจัดอีเวนต์กิจกรรมส่งเสริมการตลาดกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมปรับกลยุทธ์ธุรกิจดึงกลุ่มลูกค้าคนไทยใช้บริการหลังโควิดปิดกั้นต่างชาติ ตั้งเป้าทะลุวันละ 5 หมื่นราย หากนักลงทุนต่างชาติกลับมา คาดผู้ใช้บริการแตะ 1 แสนราย แย้มภาพรวมธุรกิจในกลุ่มยังเกื้อหนุนกัน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TSR (Bloomberg Consensus 3.24 บาท) กางแผนครึ่งหลังปี 2563 รุกเจาะตลาดเครื่องกรองน้ำ-ทำน้ำแข็ง ต่างจังหวัด วางกลยุทธ์ขยายช่องทางการขายไดเร็กเซลส์-เทเลเซลส์-O2O เล็งคลอดสาขาเพิ่ม 8 แห่ง และทีมขายอีกกว่า 30 ทีม กระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก มั่นใจรายได้รวมปี 2563 แตะ 1,900 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)