“ไทยภักดี” ประกาศ 5 จุดยืนป้องสถาบัน-รัฐธรรมนูญ “หมอวรงค์” ยันไม่ใช่ม็อบ-ไม่ต้องการปะทะ ด้านเวทีเวนามธ.เผยสายตรงอธิการบดีสั่งล้ม เวที “สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย” ย้ำเสรีภาพวิชาการ
บรรยากาศการรวมตัวของสมาชิกกลุ่มไทยภักดี ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย วานนี้ (30ส.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี กล่าวก่อนร่วมกิจกรรมว่า วันนี้เกิดการทำลายล้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึงรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการให้ความรู้กับประชาชนจะอยู่ในสิ่งเหล่านี้ ที่ถือเป็นเป้าหมายหลัก พวกเรายังยืนยันว่าปัญหาหลักเกิดจากการกระทำของนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจมิชอบ ทุจริตคอร์รัปชัน การแบ่งแยกประชาชน
ยืนยันว่าเราไม่มีความคิดเรื่องม็อบ เราไม่ใช่กลุ่มชุมนุมหรือเป็นม็อบมาเรียกร้องมีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงอะไร เราให้ความรู้ประชาชน ดังนั้นเวทีของเราเป็นเวทีกึ่งวิชาการ ให้ความรู้กับสมาชิกไทยภักดี และประชาชนผู้สนใจ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราร้องต้องให้ความรู้ประชาชนว่าคือสิทธิ์ของประชาชนที่ใช้ไปแล้ว ต้องเคารพสิทธิ์ประชาชนเพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญปี2560ผ่านประชามติมา ดังนั้นก่อนจะแก้ไขต้องถามประชาชนก่อนว่ายอมรับหรือไม่
“เราไม่มีความคิดในเรื่องการที่จะทำให้เกิดการปะทะ เพราะการปะทะไม่ได้ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นกับประเทศชาติ อาจมีคนบางกลุ่มหวังให้เกิดความรุนแรง แต่ยืนยันว่า พวกเราไม่มีเด็ดขาด การออกมาครั้งนี้ของกลุ่มไทยภักดีไม่ถือว่า เป็นการชุมนุม เราถือว่าที่นี่คือเวทีนัดพบปะสมาชิก และประชาชนผู้สนใจเพื่อมาให้ความรู้ ไม่ได้ชุมนุมเรียกร้องใดๆ” นพ.วรงค์ กล่าว
นอกจากการจัดกิจกรรมแล้ว ในวันนี้ (31ส.ค.) เวลา 10.30 น. เราจะไปยื่นหนังสือถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ผ่านสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องไปยังผู้ที่ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อาศัยแผ่นดินญี่ปุ่นโจมตีประเทศไทย อย่างไรก็ตามหลักของกลุ่มไทยภักดี จะเน้นเดินสายให้ความรู้ตามภูมิภาคไปก่อน เชื่อว่าหากประชาชนมีการรับรู้ข้อมูลที่เป็นจริง ความตื่นตัวจะมากขึ้น
จากนั้นนพ.วรงค์ ขึ้นเวทีประกาศอุดมการณ์ของกลุ่มไทยภักดีว่า 1.ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ศึกษารากเหง้า เอกลักษณ์ สัญลักษณ์ความเป็นไทย 3.ลดอำนาจควบคุม ตรวจสอบทุนผูกขาด, 4.เสริมสร้างความเท่าเทียม ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และ 5.สร้างรากฐานความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง พร้อมยืนยันว่าการจัดเวทีพบปะของกลุ่มไทยภักดี ไม่ใช่การจัดม็อบชนม็อบ และการจัดงานพบปะครั้งแรกมีคนเข้าร่วม 5,000 คน
สายตรงอธิการสั่งเลิกเสวนามธ.
ส่วนความเคลื่อนไหวจากกรณีมีการจัดงานเสวนาพาวิชาการหัวข้อ“สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย”ที่ห้องประชุมโครงการบัณฑิตศึกษา ชั้น 4 อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ล่าสุดผู้จัดงานเปิดเผยว่า อธิการบดีสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต โทรสายตรง สั่งให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมเสวนา ทางกลุ่มขอยืนยันในเสรีภาพทางวิชาการ และขอยืนยันว่าจะกิจกรรมดังกล่าวอยู่ เพราะมหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่แห่งการถกเถียงได้ตามหลักวิชา ดังคำกล่าวในอดีต"ธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว
“ก้าวไกล” ย้ำจุดยืนปิดสวิตช์ส.ว.
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมส.ส.และแกนนำพรรคร่วมเปิดเวทีกิจกรรม“ก้าวไกลไปด้วยกัน”พร้อมเปิดรับสมาชิกพรรคก้าวไกลประจำ จ.พิษณุโลก และตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมย้ำว่าฝ่ายค้านวันนี้เราแตกต่างแต่เราไม่แตกแยก ทุกคนยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤติ มันคือระเบิดเวลาที่เราจะต้องไปถอดฟืนออกจากกองไฟ แต่เราพรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยไม่จำกัดว่า ส.ส.ร.จะแก้หรือไม่แก้อะไรได้บ้างคือสิ่งที่ควรจะเป็น เราจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ
ในส่วนของอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 269, 270, 271, 272ที่ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคสช.ยังคงอยู่ และยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง ดังนั้นมาตรา 272 จะต้องเป็นญัตติด่วนที่เราจะต้องเปิดอภิปรายให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุมนี้ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
“มาตรา 256 กับ ส.ส.ร.แบบไม่บีบมืออนาคต ปลดล็อกจากรัฐธรรมนูญเก่าไปเป็นพื้นที่ๆปลอดภัยในการพูดคุยกัน ไม่ใช่ปลดล็อกจากรัฐธรรมนูญเก่ามาล็อกที่ ส.ส.ร.อีกทีหนึ่ง ให้คนที่จะเป็น ส.ส.ร.ได้มีอายุ 18 ปีขั้นต่ำ เพราะอนาคตที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่คืออนาคตของพวกคุณ ไปพูดคุย ไปหาฉันทามติร่วมกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ส.ส.ร.ไม่มีสิทธิที่จะเป็นที่ผูกขาดความคิดทางการเมืองใดการเมืองหนึ่ง มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่จำกัดอาชีพและวุฒิการศึกษา นี่คือข้อเสนอของพรรคก้าวไกล” นายพิธากล่าว