หยุดแรงงานต่างด้าว กระทบยักษ์ธุรกิจ

หยุดแรงงานต่างด้าว กระทบยักษ์ธุรกิจ

แม้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ การที่เมียนมาพบการติดเชื้อในประเทศต่อเนื่อง ภาครัฐไทยจึงเข้มงวดการป้องกันการลักลอบเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนและเอกชนที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงาน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สรุปตัวเลขล่าสุดประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อยืนยันเดินทางมาจากต่างประเทศ มีอัตราป่วย 5 รายต่อแสนประชากร อัตรารักษาหาย 95% จากผู้ติดเชื้อสะสม เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 คิดเป็น 72% และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกัน สถานการณ์ที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษมากขึ้นในระยะนี้ คือการระบาดในรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

เมียนมาพบการติดเชื้อในประเทศ หลังจากที่มีรายงานการติดเชื้อจากต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รัฐยะไข่กำลังเป็นศูนย์กลางการติดเชื้อ แม้จะอยู่ทางตะวันตกของเมียนมา แต่อาจแพร่กระจายมายังพื้นที่ตอนกลาง และถ้าป้องกันไม่ดีจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก พื้นที่ติดต่อชายแดนไทยในที่สุด ล่าสุดเมืองมะละแหม่ง ซึ่งอยู่ห่างจากแม่สอดไม่เกิน 200 กิโลเมตร วันนี้สั่งล็อกดาวน์แล้ว ความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดครั้งนี้ จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงรอบใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขกังวล

วันนี้ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและฝ่ายปกครอง มีการเพิ่มความถี่ ความเข้มงวดในการตรวจตราป้องกันการลักลอบเข้าประเทศ รวมถึงเครือข่ายสาธารณสุขพื้นที่ อสม.และท้องถิ่นกำลังช่วยกันสอดส่อง แต่ก็อาจมีกำลังไม่พอ เมียนมาอยู่ติดกับชายแดนไทยบนพื้นที่ข้ามฝั่งที่มีช่องทางธรรมชาติยาวตลอดแนว 253 กิโลเมตร การปะทุของโควิด ไม่เพียงกระทบชีวิตความเป็นอยู่ ยังส่งผลต่อการค้าชายแดน เห็นได้จากมูลค่าส่งออกผ่านด่านแม่สอดขยายตัวลดลงกว่า 10% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 65,000 ล้านบาท และการปิดด่านยังสกัดกั้นไม่ให้ผู้ใช้แรงงานเดินทางมาทำงานในไทย ส่งผลต่อบริษัทและผู้ประกอบการยังที่ความจำเป็นต้องใช้แรงงานเมียนมา โดยเฉพาะเอกชนรายใหญ่

ปัจจุบันไทยใช้แรงงานเมียนมามากกว่า 1 ล้านคน หรือ 2 ใน 3 ของยอดรวม 3 ประเทศ (เมียนมา ลาวและกัมพูชา 1.5 ล้านคน) ภาครับเหมาก่อสร้างใช้แรงงานต่างด้าวสูงที่สุด ถัดมาคือธุรกิจการให้บริการ เกษตรและประมง แม้ยักษ์ธุรกิจจะปรับตัวในการใช้เทคโนโลยีระดับสูงได้ดีกว่าเอสเอ็มอี ที่มีปัญหาเดิมจากโควิดจนขาดสภาพคล่อง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ รับเหมาก่อสร้างจึงจำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ผลกระทบครั้งนี้จึงอาจส่งผลให้เมกะโปรเจคสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ เกิดภาวะชะงักงัน

เราเห็นว่าปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องมีการถกและหาทางรับมืออย่างเร่งด่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องระดมมันสมอง ป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน บนโจทย์ใหญ่ในการบริหารจัดการคือการหาจุดลงตัวทางด้านเรื่องสาธารณสุขและภาวะเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าประสบการณ์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาล ทีมแพทย์และนักธุรกิจจะมียุทธศาสตร์สร้างสมดุล เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลาม กระทบเศรษฐกิจทั้งระบบ จนยากที่จะกู้คืน