จับตา ‘การเมือง’ ใน-ตปท. กดดันดัชนีผันผวน

จับตา ‘การเมือง’ ใน-ตปท. กดดันดัชนีผันผวน

 สัปดาห์นี้เงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์อย่างต่อสวนทางสัปดาห์ก่อนที่เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง จากสภาพคล่องทางการเงินที่มีมากทั้งในและต่างประเทศ

 ประกอบกับปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนมากขึ้น โดยด้านประเด็นความขัดแย้งสหรัฐกับจีนโดยภาพรวมยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงนี้  ขณะที่ประเทศไทยกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 63 การส่งออกหดตัว 7.7% ส่วนการนำเข้าหดตัว 14.7%

สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยประเด็นหลักยังต้องจับตาเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการทดลองวัคซีน  รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งสหรัฐกับจีน เพราะทั้งสองประเทศมีหลายประเด็นที่ขัดแย้งกันมากขึ้นในช่วงนี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ส.ค.) ปิดซื้อขายที่ 1,323.31 จุด ลดลง 3.50 จุด หรือ 0.26% มูลค่าซื้อขาย 54,671.84 ล้านบาท   บล.เอเซีย พลัส คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากมีประเด็นลบที่จะเข้ามาคือการเมืองภายในประเทศที่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศและภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังไม่มีอะไรที่น่ากังวลในช่วงนี้ พร้อมแนะนำให้ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐว่าจะมีอะไรออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,310-1,350 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,957.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 28,850 บาทต่อบาททองคำ ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้นบริเวณแนวรับ 1,909-1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,963-1,976 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่มีทองคำในมืออาจขายบางส่วน หากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน แต่ถ้าราคาไม่สามารถผ่านไปได้ให้อาจเห็นการย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรมีจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์