SPVI - ซื้อ

SPVI - ซื้อ

คงประมาณการเดิม แต่เพิ่มราคาเป้าหมาย คาดกำไร 2H63 โตแข็งแกร่ง สนับสนุนด้วย Theme 5G

ประเด็นสำคัญ :

Ø  งวด 2Q63 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 11.6 ลบ. -8%YoY -4%QoQ (เท่ากับที่คาด): บริษัทรายงานรายได้งวด 2Q63 เท่ากับ 696 ลบ. -12%YoY -5%QoQ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้มีการปิดสาขาชั่วคราวไปกว่าครึ่งในช่วงไตรมาสดังกล่าว หรือคิดเป็นวันทำการเพียง 90 วัน ขณะที่ %GPM ลดลงมาที่ระดับ 10% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 12% จากยอดขาย iPad เพิ่มขึ้น (มีมาร์จิ้นต่ำ)  อย่างไรก็ดี ผลประกอบการได้รับการชดเชยบางส่วนจากส่วนลดค่าเช่าร้าน ประกอบกับการลดเงินเดือนพนักงาน ส่งผลให้ %SG&A ลดลงมาที่ระดับ 9% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 10.5-11% ส่งผลให้งวด 2Q63 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 11.6 ลบ. -8%YoY -4%QoQ (เท่ากับที่เราคาดที่ 11.4 ลบ.) และกำไรงวด 1H63 เท่ากับ 23.7 ลบ. -14%YoY (คิดเป็น 32% ของประมาณการทั้งปี 63)

Ø  คาดผลประกอบการทยอยเติบโตดีต่อเนื่อง QoQ ในช่วง 3Q-4Q63: เราคาดผลประกอบได้ผ่านจุดต่ำสุดในงวด 2Q63 ไปแล้ว โดยเรายังคงเป้ารายได้และกำไรทั้งปี 63 ราว 3.5 พันลบ. -1.3%YoY และ 74.2 ลบ. -2%YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการจะทยอยเติบโตต่อเนื่อง QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดผลประกอบการ 2H63 โต 115%HoH โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการ 1) งวด 3Q63 เปิด U-Store เพิ่มแล้ว 3 สาขา ได้แก่ i) ม.ราชภัฏรำไพพรรณี ii) ม.เชียงใหม่ และ iii) ม.สงขลานครินทร์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีเปิดสาขา A-Store เป็นสาขาแรกภายใน ม.ศรีนคริทรวิโรฒ ประสานมิตร โดยการเป็น partner กับ AIS ในการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่แบรนด์ Apple (ยังไม่รวมในประมานการปี 63) 2) iPhone12 ซึ่งเป็น iPhone รุ่นแรกของ Apple ที่รองรับระบบ 5G โดยคาดเปิดตัวในช่วงปลาย ก.ย. ถึงต้น ต.ค. และคาดจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 4Q63 ประกอบกับคาดกลุ่ม Operator จะออกแพ็กเกจ 5G ในช่วงดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้โทรศัพท์ที่รองรับระบบ 5G ได้กระแสตอบรับดี 3) บริษัทมีแผนเปิดสาขา U-Store ในช่วงที่เหลือของปีอีก 4 สาขา และสาขา A-Store อีก 1 สาขา (ยังไม่รวมในประมาณการ) และ 3) ได้ผลบวกจากสถานการณ์ COVID-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยจะเห็นได้ชัดว่าช่วง 2Q63 ยอดขาย iPad เพิ่มสูงขึ้น และโดยปกติลูกค้าจะซื้อควบคู่กับ Apple Pencil ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง

Ø  คงคำแนะนำ ซื้อและปรับราคาเหมาะสมขึ้นสู่ 3.64 บาท (เพิ่มขึ้น 17%): เราปรับราคาเหมาะสมปี 64 เพิ่มขึ้นสู่ 3.64 บาท จากเดิม 3.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 17% โดยใช้สมมติฐานกำไรต่อหุ้นปี 64 ราว 0.21 บาทต่อหุ้น และ PER ที่ 17.7 เท่า (2Yr-Avg.PER + 1.5SD) จากเดิมที่ระดับ 15 เท่า โดยเราปรับเพิ่ม PER เพื่อให้สอดคล้องกับผลประกอบที่คาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมกับสนับสนุนด้วย Theme 5G ในช่วง 2H63 อย่างไรก็ดี ณ ระดับ PER ที่ 17.7 เท่ายังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 25.1 เท่า และราคามีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ

ความเสี่ยง

       1.ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง        2.สินค้าล้าสมัย       3.ถูกยกเลิกการเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple