เตรียมแผน 2 เรือดำน้ำ หาก กมธ. คว่ำจ่อถกจีนหาทางออก

เตรียมแผน 2 เรือดำน้ำ หาก กมธ. คว่ำจ่อถกจีนหาทางออก

พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมแผนสำรอง เจรจา “จีน” แก้ปัญหาซื้อเรือดำน้ำ หาก กมธ.งบฯชุดใหญ่ ไม่อนุมัติจัดซื้อ รับนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ต้องรับผิดชอบ ปัดใบสั่งทางการเมือง

“กมธ.งบฯ” นัดกองทัพเรือแจงวันนี้ คาดลงมติ 31 ส.ค. “ปชป.” หยั่งเชิงรอข้อมูลทร.ก่อน เผยรบ.อภิสิทธิ์อนุมัติงบ 900 ล. ศึกษาโครงการ “อุทัย” โพสต์กังวลไทยเสียค่าโง่

หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เลื่อนการพิจารณางบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำของกองทัพเรือ หลังจาก กมธ.ขั้วรัฐบาลและฝ่ายค้าน เห็นต่าง โดยต้องการให้กองทัพเรือเข้ามาชี้แจงรายละเอียดโครงการอีกครั้ง ขณะที่กมธ.ฝ่ายค้าน เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวอาจมีใบสั่งให้เดินหน้าโครงการนี้ ล่าสุด วานนี้ (27 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า

“เรื่องใบสั่งนักการเมืองยุ่งกันมาตลอด การจัดซื้อเรือดำน้ำผมจะไม่ไปเกี่ยวข้องในตรงนี้ก็ไม่ใช่ เพราะผมเป็น รมว.กลาโหม ผมได้กราบเรียนไปแล้วว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ผมไม่ได้ไปสั่ง ไม่มีใครสั่งหรอก ใครสั่งไม่ได้ ทราบว่าจะมีการพิจารณากันในวันที่ 28 ส.ค. และลงมติในวันที่ 31 ส.ค. ต้องรอดูกันอีกที รัฐบาลและผมในฐานะเป็น รมว.กลาโหม ได้เตรียมที่จะแก้ไขปัญหา ขอให้เดินทีละขั้นตอน การทำงานเป็นขั้นตอนแบบนี้”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “ผมได้เคยพูดไปแล้ว และไม่เคยบอกว่าต้อง แต่ไปพาดหัวข่าวกันว่า

ต้องซื้อ ผมไม่ได้หมายความอย่างงั้น แต่ได้พูดถึงเหตุผลความจำเป็น และแหล่งที่มาของงบประมาณ ถ้าซื้อไม่ได้จะต้องเจรจากับจีนอย่างไร ผมก็ได้เตรียมแผนงานของผมไว้อย่างนี้”

พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายด้วยว่า “ขั้นตอนการต่อเรือ ไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ ต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆไว้ อะไรที่คุยไว้จะผ่อนยืดระยะได้บ้างไหม ซึ่งตรงนี้ต้องคุยกัน มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำงานคนเดียว ฉะนั้นทั้งหมดต้องรับผิดชอบด้วยกันอยู่แล้ว ในฐานะที่ผมเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ และเป็นรมว.กลาโหมด้วย ขอแต่เพียงความเข้าใจ ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่ขัดแย้งกันอีก ถ้าขัดแย้งกันทุกเรื่องมันก็ไปไม่ได้หมดทุกอย่าง” นายกฯ กล่าว

เช่นเดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวยืนยัน ไม่มีใบสั่ง “แล้วใบสั่งที่ไหนเล่า ให้ใครล่ะ ใครบอก และยังไม่รู้ว่ากรรมาธิการงบฯ จะให้ความเห็นชอบหรือไม่”

กมธ.งบฯนัดทร.แจง28ส.ค.

ทางด้านคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 โดย นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษก กมธ.งบฯ เปิดเผยว่า ในการประชุม กมธ.งบ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. กมธ.ได้พิจารณารายงานของอนุ กมธ.การฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์เสร็จสิ้น และเตรียมพิจารณารายงานของอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน

“ที่ประชุมกมธ.งบฯ เห็นว่าการพิจารณาดังกล่าวน่าจะเสร็จสิ้นไม่ทันภายในเมื่อคืนวันที่ 26 ส.ค.จึงขอมติที่ประชุมให้เลื่อนการพิจารณารายงานของอนุ กมธ.ที่เหลือทั้งหมด รวมถึงรายงานของอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯด้วย ไปพิจารณาพร้อมกันในวันที่ 31 ส.ค.นี้” นส.วทันยา ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนปิดการประชุม กมธ.งบฯ 64 เมื่อคืนวันที่ 26 ส.ค.ได้มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองกมธ.งบฯ จากพรรคเพื่อไทย กับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองกมธ.งบฯ จากพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากนายยุทธพงศ์ ยืนกรานว่าจะให้พิจารณารายงานของอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ต่อ แต่นายชาดา เห็นว่าการพิจารณาดังกล่าวดึกแล้ว และไม่สามารถพิจารณาได้ทัน จนมีการปะทะคารมกัน โดยนายชาดาต่อว่านายยุทธพงศ์ว่า “คุณก็คิดว่าตัวคุณเก่งอยู่คนเดียว” ก่อนจะมีการขอมติจากที่ประชุม ซึ่งที่สุดเสียงข้างมากให้เลื่อนการพิจารณาทั้งหมดไปเป็นวันที่ 31 ส.ค.

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 28 ส.ค.กมธ.งบฯ ได้เชิญผู้แทนจากกองทัพเรือมาชี้แจงเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะมีการลงมติในวันที่ 31 ส.ค.นี้

“ภูมิใจไทย”แนะหาทางออกอื่น

ทางด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.ภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเคยทักท้วงการซื้อเรือดำน้ำแล้ว แต่ไม่ได้คัดค้านเกี่ยวกับงบประมาณฯ พร้อมกันนี้ตนขอฝากเน้นย้ำไปถึงกองทัพเรือว่า ต้องการให้ฟังเสียงประชาชน รวมถึงทำความเข้าใจกับประชาชน และมองในมุมกว้าง เนื่องจากยังมีทางออกอีกหลายทาง แต่ตนไม่สามารถจะชี้ชัดอะไรได้ ต้องรอมติที่ประชุม

“เราต้องทำเพื่อประเทศ โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีที่สุด เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ส่วนกรณีกับนายยุทธพงศ์นั้น ยืนยันผมไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่อาจมีบางเรื่อง บางเหตุผล ที่ยังคงเข้าใจไม่ตรงกัน”

ปชป.หยั่งเชิงรอทร.แจงก่อนมีท่าที

ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ว่า มติพรรคให้ กมธ.ในสัดส่วนของพรรคไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทราบความคืบหน้าว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ได้มีการหารือในระดับหนึ่ง และมอบให้ กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ที่จะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงอีกครั้ง ตนคิดว่าอำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่กมธ.ชุดใหญ่ เข้าใจว่าคงจะมีการสรุปด้วยเหตุผล ดังนั้นมติจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ กมธ.ชุดใหญ่

“เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้นต้องรอดูก่อน ก็อาจจะเป็นไปได้เมื่อ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาแล้ว อาจจะชะลอไปหรือไม่ ซึ่งก็เป็นข้อคิดเห็นของกรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 7 คน ที่ได้เสนอความคิดเห็นไปแล้ว”

“อุทัย”โพสต์กังวลเสียค่าโง่เรือดำน้ำ

ส่วนความเห็นจาก นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภา ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวเรื่องสูญเสียค่าโง่-ขวางซื้อเรือดำน้ำหมื่นล้าน ตอนหนึ่งว่า เรื่องค่าโง่ ปัญหามีอยู่ว่าโง่จริง หรือแกล้งโง่ ถ้าโง่จริงหย่อนสมรรถภาพ ควรไล่ออกหรือปลดออก ไม่ควรเก็บเอาไว้ ให้ทำความเสียหายแก่บ้านเมืองอีกต่อไป ถ้าแกล้งโง่แสดงว่า มีนอกมีใน

นายอุทัย ระบุอีกว่า ประเทศรอบบ้านเรา คุณกลัวใคร ในเมื่อประเทศรอบบ้านเรา เขาก็พยายามจะเอาตัวรอด ในด้านสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน มีสัญญาณไหมว่าประเทศรอบบ้านเรา มีประเทศไหนคิดจะรบกับเราบ้าง และกำลังของเราในขณะนี้ ไม่สามารถจะต่อต้านได้ คำก็บอกว่ามีไว้ให้ศัตรูกลัว เกรงขาม แล้วเรามีสัญญาณไหมว่า เรามีศัตรูอยู่ใกล้ๆ เท่าที่รู้เขากลัวจะมีสงครามกันมากกว่า

“วิกฤตโควิดในประเทศ ยังขยายความเสียหายไม่หยุด ทำไมเราไม่เตรียมเงินเอาไว้ เพื่อเยียวยาประชาชน ซึ่งในอนาคตยังจะต้องใช้อีกมาก ทำไมต้องเอาเงินไปเตรียมรบ ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ประเทศไทยจะหมดไปกับค่าโง่ อีกเท่าไหร่ และอีกเมื่อไร เรื่องโง่ๆ จะไม่เกิดขึ้นอีก

ทั้งนี้ถ้าขอยกเลิกสัญญา ไม่ซื้อด้วยเหตุมติของสภา ไม่มีประเทศไหนในโลกหรอก ที่เขาจะตัดสัมพันธไมตรี อย่างดีก็ตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลที่สวนมติของประชาชนตัวเอง