ท่าอากาศฯ รับรายได้ทรุด 2 ปี50% บนมาตรการช่วยเหลือ ‘เท่าเทียม ‘

 ท่าอากาศฯ รับรายได้ทรุด 2 ปี50%  บนมาตรการช่วยเหลือ ‘เท่าเทียม ‘

กลับมาสร้างผลกระทบต่อราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOTอีกครั้ง กับประเด็นการออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการใน 6 สนามบินที่รับบริหารจัดการ

ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จนรายได้ลดลง และการช่วยเหลือครั้งนี้ทาง AOT ย่อมได้ผลกระทบระยะยาวไปด้วย

โดยมีการประมาณการณ์เบื้องต้นของ AOT หลังจบงวดครึ่งปีแรก 2563 คาดว่าผู้โดยสารจะเริ่มกลับมาเป็นปกติในเดือน ต.ค. 2565 และคาดว่างวดปี 2565 จะมีจำนวนผู้โดยสารทั้ง 6 สนามบินมีจำนวน 128.64 ล้านคน ฟื้นจากงวดปี 2563 และงวดปี 2564 ที่ 38.81 ล้านคน และ 55 ล้านคนตามลำดับ

ดังนั้นการประเมินรายได้ที่จะเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าวจึงเห็นตัวเลขลดลงไม่ต่ำ 50 % ในแต่ะปี ซึ่งปี 2563 คาดรายได้จะลดลงจากปีงบประมาณ 25652 ในอัตรา 50.70 % ปี 2564 คาดรายได้จะลดลงจากปีงบประมาณ 2563 ในอัตรา 42.21 % และสำหรับปี 2565 คาดว่ารายได้จะพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 ในอัตรา 188.13 %

เท่ากับห้วงเวลา 2 ปี จากนี้หุ้น AOT จะกลายเป็นหุ้นที่ไม่สามารถคาดหวังการเติบโตได้ ขณัที่สมมุติฐานรายได้และกำไรที่จะนำมาคำนวณเพื่อเคาะออกมาเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมตามพื้นฐานย่อมได้รับผลติดลบตามไปด้วย

สอดคล้องกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินถือเป็นคู่ค้ากับ AOT กว่า 1,000 สัญญา ระยะยาวตั้งแต่ 1 ก.พ. 2563 -31 มี.ค. 2565 ในส่วนของค่าผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเปอร์เซนต์จากเดิมคิดตามยอดขาย โดยยกเว้นเก็บค่าตอบแทนขั้นต่ำ ส่วนการค่าผลประโยชน์ตอบแทนสำหรับงวดได้รับการขยายระยะเวลาให้อีก 6 เดือน เป็น 12 เดือน จากเดิม ก.พ. – ก.ค. 2563

โดยในส่วนธุรกิจสายการบิน AOT ได้รับการช่วงเหลือจากการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำนั้นจะใช้ฐานของปี 2562 ในการคำนวณ และยังมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การลดค่าธรรมเนียมขึ้น-ลงอากาศยาน ค่าเช่าพื้นที่ ในอัตรา 50 %

ส่วนที่เป็นประเด็นใหญ่ สำหรับความช่วยเหลือให้กับ คิง เพาเวอร์ ที่ชนะประมูล ดิวตี้ฟรี 2 สัญญา 4 สนามบิน (สุวรรณภูมิ –เชียงใหม่-ภูเก็ต – หาดใหญ่ ) และสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สุวรรณภูมินั้น ได้เลื่อนสัญญาออกไปอีก 1ปี กลายเป็นสิ้นสุด 31 ม.ค. 2575

พร้อมทั้งปรับการเรียกเก็บผลตอบแทนขั้นต่ำ มาเป็นวิธีการคิดผลตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร การคำนวณลักษณะนี้การนำผลตอบแทนที่ คิวเพาเวอร์เสนอไว้เดิมในการประมูล มาคำนวณรวมกับจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงในปีนั้น ๆ จะคิดเป็นอัตราเปอร์เซนต์

ทาง AOT ยังระบุด้วยว่าหากจำนวนผู้โดยสารกลับมาเท่ากับจำนวนผู้โดยสารตามการประมาณการที่คิง เพาเวอร์ ได้ยื่นเสนอราคาไว้ จะกลับไปใช้ผลตอบแทนขั้นต่ำตามสูตรเหมือนเดิม การพิจารณามาตรการดังกล่าวได้คำนึงด้วยความรอบครอบ บนพื้นฐานความเท่าเทียม และ ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เพราะหากสถานการณ์สู่ภาวะปกติทำให้องค์กรดำเนินได้ไม่หยุดชะงัก

ตัวเลขดังกล่าวหากมองในมุมมองแง่ลบถือได้ว่าการออกมายอมรับและให้ตัวเลขที่ชัดเจนไปเลยจาก AOT แบบนี้เท่าเป็นการให้นักลงทุนรับทราบข่าวร้ายที่สุดให้หมด เมื่อหุ้นรับข่าวดังกล่าวจะไม่เกิดความวิตกในอนาคตอีก แต่หากสถานการณ์กลับพลิกเป็นข่าวบวก คือ การทอดลองวัคซีนได้ผล เริ่มมีการใช้กับมนุษย์จริง 100 % ก่อนปี 2565 เท่ากับราคาหุ้น AOT จะฟื้นและกลายเป็นเทรนบวกในทันทีเช่นกัน

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คิงส์ฟอร์ด คาดจำนวนผู้โดยสารจะปรับขึ้นไปเท่ากับสมมติฐานของคิงเพาเวรอ์หลังผ่านปีงบประมาณ 2567/2568 ไปแล้ว คิดเป็นผลตอบแทนขั้นต่ำที่ลดลงเทียบกับการเสนอตอนแรกราว 7.7 หมื่นล้านบาท

ดังนั้นระยะสั้นคาดผลประกอบการของ AOT จะยังขาดทุนต่อเนื่องไปอีก 2-3 ไตรมาส แต่จะเป็นการขาดทุนลดลงตามสถิติการบินที่ฟื้นตัวและมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศในเดือน ต.ค. 2563 รวมถึงความหวังว่าการพัฒนาวัคซีนที่เป็น Key Factor หลักน่าจะสำเร็จในช่วงต้นปี 2564 อย่างไรก็ตามจากกระแสเงินสดในอนาคตที่ลดลงกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมเดิมราว 7 บาท จึงปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2563/2564 แทนอยู่ที่ 62.00 บาท