HANA - ซื้อ

HANA - ซื้อ

สบาย ๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

คำสั่งซื้อยังคงฟื้นตัวขึ้น

ถึงแม้ว่าผู้บริหารจะเป็นห่วงเรื่องอัตราการว่างงาน ซึ่งจะบิดเบือนกำลังซื้อไป แต่คำสั่งซื้อก็ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปลาย 3Q และ 4Q เป็นต้นไป เนื่องจาก i) คำสั่งซื้อจากจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ii) เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อจากโรงงานในเยอรมนี (+28%MoM ในเดือนมิถุนายน), iii) คำสั่งซื้อจากธุรกิจสื่อสารเพิ่มขึ้นหลังจากมีการเลื่อนเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ออกไป ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายใน 1H63 คิดเป็น 48% ของประมาณการยอดขายปีนี้ของเรา ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการปีนี้เอาไว้เท่าเดิม โดยเรายังคงสมมติฐานปี 2563 เอาไว้ที่ 602 ล้านเหรียญสหรัฐ (-8% YoY) และปี 2564 ที่ 687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14% YoY)

ประเด็นเรื่องที่สหรัฐแบน Huawei ไม่น่าห่วงมากนัก

ผู้บริหารไม่เป็นห่วงมากนักกับกรณีที่สหรัฐแบน Huawei เนื่องจาก i) Huawei มีการตุนสต็อกเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ HANA ยังได้คำสั่งซื้อต่อไปอีกอย่างน้อย 3-6 เดือน ii) แบรนด์อื่น ๆ ของจีน (Oppo, Vivo, Lenovo, Xiaomi) สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้หาก Huawei ไม่สามารถส่งโทรศัพท์มือถือไปขายได้
ซึ่งมุมมองของผู้บริหาร HANA สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ KGI ที่ไต้หวัน ซึ่งมองว่า Oppo, Vivo และ Xiaomi อาจจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในตลาดล่างได้ ในขณะที่ Apple จะขยายส่วนแบ่งตลาดในตลาดบนได้ (อ้างอิงจากบทวิเคราะห์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของ KGI ที่ไต้หวัน Technology Sector:
Huawei headwind again ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563) โดยสรุปแบบ เราคาดว่าประเด็นนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ HANA

ยังคงมุมมองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และคงประมาณการกำไรของ HANA เอาไว้เหมือนเดิม

เรายังคงคาดว่าผลประกอบการของ HANA ยังดูดีใน 2H63 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown บางส่วนลงทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังคงมุมมองต่อแนวโน้มการนำเทคโนโลยี 5G, AI และ IoT มาใช้เหมือนเดิม โดยคาดว่าจีนจะเป็นผู้นำในด้านนี้ ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2563-64 เอาไว้เท่าเดิม

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" HANA และให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 45.00 บาท อิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +2.0 S.D.)

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น ขาดแคลนวัตถุดิบเงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ที่ 31.90 บาท/US$)