BCH - ซื้อ

BCH - ซื้อ

มีแนวโน้มดีขึ้น HoH

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศงบ 2Q63

lmpact

ประเด็นสำคัญจาก conference call เมื่อวานนี้

BCH จัด conference call หลังประกาศงบ 2Q63 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 279 ล้านบาท (+14.3% YoY, +7.6%QoQ) แม้มีการระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย สำหรับประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่ i) แนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่งมากขึ้นใน 2H63 เรามองว่าลบน้อยลงกับกลุ่มผู้ป่วยที่ชำระเงินสด
ใน 3Q ถึง 4Q63 เนื่องจากผู้ป่วยที่ชำระเงินสดกลับมาใช้บริการ OPD ประมาณ 80-90% และ IPD ประมาณ 60-70% ดังนั้น เราจึงคิดว่าฐานผู้ป่วยที่ชำระเงินสดของ BCH จะเร่งตัวขึ้นใน 3Q63 ii) ได้อานิสงส์จาก COVID-19 นอกจากการให้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 แล้ว BCH ยังเข้าร่วมใน ASQ และ AHQ ด้วย ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น โดยในปัจจุบัน BCH ทำการตรวจหาเชื้อ COVID-19 วันละ 800-900 ราย เราคาดว่าบริษัทจะได้รายได้เพิ่มขึ้นหลังจากทำรายได้ส่วนนี้ประมาณ 340 ล้านบาทใน 2Q63 (16% และ 8% ของรายได้รวมใน 2Q63 และ 6M63)  iii) โรงพยาบาลใหม่มีแนวโน้มเป็นบวก โดยในงวด 6M63 รายได้ของโรงพยาบาล KH รามคำแหงเพิ่มขึ้นเป็น 286 ล้านบาท (+21.3% YoY และ 6.7% ของรายได้รวม) ส่วนโรงพยาบาลเกษมรษฎร์ อรัญประเทศก็ออกมาดี โดยมีผลขาดทุนสุทธิแค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น (เริ่มเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม) ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะคุ้มทุนในส่วน EBITDA ปลายปีนี้

คาดว่าผลประกอบการ 3Q63 จะแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีนี้

ใน 3Q63 เริ่มมีผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาในประเทศไทย หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ lockdown เราคิดว่าผลการดำเนินงานของ BCH ใน 3Q63 จะได้แรงหนุนจาก i) การผ่อนคลายมาตรการ lockdown ซึ่งจะส่งผลดีกับ WMC ii) รายได้จากการตรวจหาเชื้อ COVID-19 และ ii) มีอุปสงค์ pent-up demand ที่อั้นมาจากช่วง 1H63 ส่วน 2H63 เรามองว่ากำไรของ BCH มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น HoH เนื่องจาก i) รายได้เพิ่มขึ้นจาก SSO ii) ผลการดำเนินงานของ WMC ดีขึ้นต่อเนื่อง (จำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 30 รายกลับมาแล้ว) และ iii) ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาล KH รามคำแหง

คงประมาณการกำไรปี FY63-64 เอาไว้เท่าเดิม

เราปรับสมมติฐานปี 2563-64F ดังนี้ i) ลดอัตราการเติบโตของรายได้ปี 2563 ลงจากเดิม 4.5% YoY และปีหน้าลง 2.8% YoY ii) เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 32.0% และปีหน้าเป็น 33.0% (จากเดิมที่ 31.6%และ 32.5%) และ iii) ลดสัดส่วน SG&A/ยอดขายเป็น 13.5% (จากเดิม 14.0%) ในปี 2563F ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563F ที่ 1.19 พันล้านบาท (+5.5% YoY) และปี 2564F ที่ 1.36 พันล้านบาท (+13.5% YoY) สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ลดลงอย่างมากในปีนี้แล้ว

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 2564 ที่ 22.30 บาท

Risks

COVID-19 ระบาด ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่