ธปท. หวังบสย.ดันสินเชื่อซอฟท์โลนพุ่ง กสิกรมั่นใจแบงก์กล้าปล่อยกู้เพิ่ม

     นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อระยะพิเศษ หรือ Soft Loan Plus ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เข้ามามีบทบาทในการช่วยขยายการรับประกันสินเชื่อ เพื่อหนุนให้เกิดการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาทของธปท.มากขึ้นนั้น เชื่อว่า จะมีส่วนสำคัญในการเร่งให้เกิดการปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนให้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังจากนี้ 

.   ซึ่งการใช้บสย.เข้ามามีบทบาทในการค้ำประกันสินเชื่อ จะทำให้สถาบันการเงินกล้าที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะอดีต การปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนมีการปล่อยล่าช้า เพราะสินเชื่อซอทฟ์โลนมีระยะเวลาเพียง 2ปี ทำให้ลูกหนี้อาจกังวล ว่าอาจไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ หากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ หรือโควิด-19 ลากยาว

    ดังนั้นการใช้บสย.เข้ามาช่วย ให้วงเงินซอทฟ์โลนมีระยะเวลายาวขึ้น จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้กู้และสถาบันการเงินในการตัดสินใจกู้สินเชื่อ และให้สินเชื่อระยะข้างหน้าได้มากขึ้น  

 

“ที่่ผ่านมาซอฟท์โลนปล่อยได้ช้า เพราะสินเชื่อมีระยะเวลา เพียง 2ปี หากลูกหนี้ไม่กลับมาปกติในช่วง 2ปีนี้ได้ ก็อาจกระทบต่อการชำระหนี้ ต่อรายได้ในการนำมาชำระหนี้ในอนาคต แบงก์ก็กลัวความเสี่ยง หากหลังสองปีแล้ว ยังไม่ดีขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อที่ผ่านมายังช้าอยู่ ดังนั้นเชื่อว่า การใช้บสย.เข้ามาค้ำประกันให้สินเชื่อมีระยะเวลานานขึ้น จะมีส่วนทำให้ซอทฟ์โลนปล่อยกุ้ได้มากขึ้นหลังจากนี้” 

     ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการใช้กลไกของบสย.เข้ามามีส่วนในการค้ำประกันซอฟท์โลน น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าและธนาคารได้มากขึ้น และเป็นตัวกระตุ้นให้แบงก์กล้าปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนใหม่มากขึ้นในระยะข้างหน้า จากการที่บสย.เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอี หลัง 2ปี ไปแล้ว  

    อีกทั้ง การยืดระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด8ปี ตามเกณฑ์บสย. จะทำให้ลูกค้ามีกระแสเงินสด หรือ Cash Flow และบริหารสภาพคล่องในการชำระหนี้ได้อนาคตดีขึ้น  ทำให้โอกาสที่จะเจอปัญหาจากการชำระหนี้มีลดลงได้ 

   “หากดูการปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนที่ผ่านมา กสิกรไทย ถือว่าเป็นแบงก์ที่ปล่อยซอฟท์โลนมากที่สุด ทั้งออมสิน และของธปท. ซึ่งคิดเป็นราว 80% ที่เป็นซอฟท์โลนมาจากธนาคาร ดังนั้นระยะข้างหน้า เราก็ยังช่วยลูกหนี้ต่อเนื่อง ก็คาดว่าเมื่อมีบสย.เข้ามาช่วย จะหนุนให้การปล่อยกู้ซอฟท์โลนใหม่ข้างหน้าออกไปได้มากขึ้น ทำให้แบงก์มั่นใจในการปล่อยกู้มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าก็คล่องตัว และสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้ดีขึ้นด้วย"