ปชป.-ฝ่ายค้าน หักกองทัพเรือ ชง กมธ. คว่ำซื้อเรือดำน้ำ

ปชป.-ฝ่ายค้าน หักกองทัพเรือ ชง กมธ. คว่ำซื้อเรือดำน้ำ

ฝ่ายค้าน-ปชป. เห็นตรงกัน ชงกมธ.งบ64 หั่นงบ 2.2 หมื่นล้าน จัดซื้อเรือดำน้ำกองทัพเรือ ขู่เดินหน้าเสนอโหวต ด้าน “ยุทธพงศ์” ยกคดี “รถ-เรือดับเพลิง” กทม.เทียบ เตือนจีทูจีเก๊เสี่ยงขัดกฎหมายจ่อชงศาลรธน.ตีความ

หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเสนอของบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ มูลค่า2.2หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้อนุกรรมาธิการ (อนุกมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎรมีมติ5ต่อ4เสียงให้ความเห็นชอบการจัดซื้อดังกล่าว จึงต้องจับตาไปที่การประชุมกมธ.งบประมาณซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันนี้ (26 ส.ค.)

โดยนายวัฒนา เมืองสุข รองประธานกมธ.เปิดเผยถึงการประชุมโดยมั่นใจว่า เสียงฝ่ายค้านที่อยู่ในอนุกมธ.มีความเป็นเอกภาพ โหวตไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เห็นชอบการของบประมาณกองทัพเรือ 2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ฝ่ายค้านคงไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน ประเด็นดังกล่าวคงต้องมีการอภิปรายในห้องประชุม เพื่อให้เห็นว่าสถานะของประเทศขณะนี้ มีความจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อทำให้เกิดผลิตภาพ การนำเงิน 2 หมื่นกว่าล้าน ไปซื้ออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่มีผลผลิต ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับประชาชน ซึ่งสิ่งที่ฝ่ายค้านคิด ไม่ได้จะบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารเรือมีเรือดำน้ำ เพียงแต่มองว่ายังไม่ควรซื้อในวันนี้ ควรจะขยายเวลาออกไปอีก เพื่อให้ประเทศมีความพร้อมมากกว่านี้

เช่นเดียวกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ใน กมธ.งบประมาณฯ 64 สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีกองทัพเรือออกมาชี้แจงถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน จำนวน 2 ลำ มูลค่า 22,500 บาท ที่มีประเด็นพาดพิงมาถึงพรรคเพื่อไทยและคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่โหวตคัดค้านว่า หลังจาก พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ และโฆษกกองทัพเรือ ออกมาระบุว่า การพูดของตน สร้างความเสียหาย ทำให้เกิดความแตกแยก เกลียดชัง และขอให้ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งสิ่งที่โฆษกกองทัพเรือพูดไม่เป็นความจริง 

ยืนยันว่า การออกมาตั้งข้อสังเกตการจัดซื้อเรือดำน้ำ2ลำ มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการทำหน้าที่ของส.ส.และกมธ. ที่จะต้องตรวจสอบ ซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 

จีทูจีเก๊เสี่ยงซ้ำรอยรถ-เรือดับเพลิง

ทั้งนี้ การจัดซื้อที่มีการระบุว่าเป็นจีทูจี จริงหรือไม่นั้น ตนได้เรียกร้องตั้งแต่แรกแล้วว่า หากมีการมอบอำนาจให้ กองทัพเรือเป็นตัวแทนจริง จะต้องมีหนังสือ มอบอำนาจฉบับเต็ม หรือที่เรียกว่า ฟูลพาวเวอร์มาแสดง แต่ในการแถลงข่าวของกองทัพเรือกลับไม่มีการพูดเรื่องนี้ หากย้อนไปดู คำพิพากษาศาลฎีกา เคยมีคำพิพากษา การจัดซื้อรถ เรือดับเพลิงของ กทม. ที่ไทยจัดซื้อกับประเทศออสเตรีย ศาลเคยมีคำพิพากษา การจัดซื้อระหว่างจีทูจีต้องเป็นระหว่างรัฐบาลจริงๆ ไม่ใช่กับตัวแทนหรือรัฐวิสาหกิจ แม้ ครม.มอบให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย แต่ก็ไม่พบหนังสือมอบอำนาจจากทางไทย 

รวมทั้งในการไปลงนามของพล.ร.อ.ลือชัย ก็ไปลงนามกับ ประธานบริษัทไชน่า ชิปบิลดิ้ง แอนด์ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CSOC) ซึ่งหน่วยงานนี้ ก็ไม่ได้มีหนังสือรับมอบอำนาจจาก ประธานาธิบดีจีนหรือรัฐบาลจีน แต่อย่างใด 

จากการตรวจสอบพบว่า หน่วยงานดังกล่าวคือ องค์การบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งจากเอกสารเมื่อวันที่ 17พ.ย.2562 ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เคยลงนามบันทึกความเข้าใจกับ รมว.กลาโหมของจีน ว่าด้วยความร่วมมือการป้องกันประเทศ ก็ไม่ได้มีข้อตกลงเพื่อให้ซื้อเรือดำน้ำแต่เป็นเพียงข้อตกลงเพื่อการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพร่วมกัน

อย่างไรก็ดี หากตรวจสอบเป็นจีทูจีเก๊กมธ.จะมีการประชุมในวันที่ 26ส.ค. ที่ยกมือสนับสนุน จะต้องรับผิดชอบ โดยตนจะใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา75 นำเรื่องนี้ไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้ได้

ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยในการประชุมอนุกรรมาธิการฯครุภัณฑ์ ที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม ที่มีการล็อบบี้จากบุคคลภายนอก และมีการเรียกหาเทปบันทึกเสียงจากตนนั้น ก็ต้องบอกว่า ไม่มี แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจ ขอให้นายสุพล ทำหนังสือไปถึงบริษัทที่ให้บริการมือถือ เพื่อขอบันทึกการโทรเข้าโทรออก ในวันที่ 21ส.ค. ซึ่งเป็นวันประชุมอนุกรรมาธิการฯกับกองทัพเรือ เรื่องเรือดำน้ำ ก็คงจะได้รู้ว่า มีเบอร์โทรศัพท์ใครโทรเข้า โทรออกมาบ้าง

มติปชป.หักรบ.จี้ทร.ถอนวาระ

ส่วนท่าทีจากพรรคร่วมรัฐบาลต่อประเด้นดังกล่าว นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะรองประธานกมธ.งบ64 เปิดเผยว่า ที่ประชุมพรรค แสดงความเป็นห่วยในเรื่องดังกล่าว โดยเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ที่อยู่ในช่วงโควิด จึงยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้ พรรคจึงเห็นควรเสนอให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน

เช่นเดียวกับนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกปชป. ในฐานะโฆษกกมธ.งบเปิดเผยว่า พรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้กมธ.งบฯทั้ง 7 คนของพรรค ไปหารือกับ กมธ.งบฯพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้กองทัพเรือทบทวน นำวาระจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปจากวาระการพิจาณาของกมธ.งบชุดใหญ่ หากยังยืนยันที่จะเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าสู่วาระการประชุม กมธ.งบฯทั้ง 7 คนของพรรคก็มีท่าทีไม่สนับสนุนให้ผ่านงบจัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะเดียวกันนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปพรรค ก็ได้ประสานไปยังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งให้ครม.รับทราบแล้ว

นายกฯปัดล้วงลูก-โยนสภาเคาะ

ส่วนท่าทีจากทางรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของกมธ.งบที่จะมีการพิจารณากันในสภา ตนไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่ฟังการชี้แจงของทางกองทัพเรือ เขาก็มีเหตุผล และความจำเป็น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกมธ.ก็ขอให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะหลายกระทรวงก็ถูกตัดงบประมาณไปหลายกิจกรรมทั้งเรื่องของการศึกษา เรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบประมาณของประชาชน กรณีนี้เป็นงบประมาณในส่วนของฝ่ายความมั่นคง และอีกส่วนก็ถูกตัดไปอีก ดังนั้น ก็ลองพิจารณาดูว่า เราจะเดินหน้ากันไปอย่างไร 

ขณะที่ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อว่า กองทัพเรือไม่มีนโยบายให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในประเด็นเรือดำน้ำอีกแล้ว เนื่องจากการแถลงเมื่อวันที่24 ส.ค. ทุกคนพูดชัดเจนเพียงพอแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าใจผิด ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ หากบอกว่ากองทัพเรือผิด ชี้แจงไม่ครบถ้วน ก็ควรติดต่อสอบถามเพิ่มให้เรียบร้อยก่อ. ไม่ใช่ออกมาแถลงต่อสาธารณชนว่ากองทัพเรือทำผิด ยืนยันว่า กองทัพเรือจะทำงานตามภารกิจ หน้าที่ ตามความสามารถให้ดีที่สุด