รายย่อยไล่ซื้อหุ้น ‘ยานยนต์’ เก็งข่าวรัฐดันมาตรการลดหย่อนภาษี

รายย่อยไล่ซื้อหุ้น ‘ยานยนต์’ เก็งข่าวรัฐดันมาตรการลดหย่อนภาษี

“นักลงทุน” โดดเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยานยนต์ หลังรัฐเล็งออกมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ซื้อรถใหม่ หวังกระตุ้นกำลังซื้อปลุกเศรษฐกิจ หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์คึกคัก ด้าน โบรกเกอร์ ประเมินผลบวกต่อกลุ่มน้อย ชี้มาตรการยังไม่จูงใจ โดยยังให้น้ำหนักก

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ในวานนี้(25ส.ค.)ปรับตัวขึ้นคึกคัก หลังมีกระแสข่าวกระทรวงอุตสาหกรรมเล็งเสนอพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีกลุ่มยานยนต์ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 329.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.92 จุด หรือ 1.51% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 113 ล้านบาท

โดยหุ้นในกลุ่มฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ได้แก่ บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ INGRS เด้งขึ้น 12.82% ชนเพดานการซื้อขายสูงสุด(ซิลลิ่ง) รองลงมาคือบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT เด้งขึ้น 4.55% และบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เด้งขึ้น 4.22%

นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่าประเมินว่าราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เด้งขึ้นมาน่าจะเป็นผลจากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนจากกรณีกระแสข่าวที่ภาครัฐจะออกมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งคาดว่าเป็นปัจจัยที่จะส่งผลบวกต่อกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากจะหนุนให้ยอดการผลิตรถยนต์ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด จากปัจจุบันที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะมียอดผลิตรวมเพียง 1.2-1.3 ล้านคัน ซึ่งลดลงเกือบครึ่งจากปีก่อนที่ทำได้อยู่ระดับ 2 ล้านคัน

ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้ลองประเมินผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว โดยพบว่าผลจากมาตรการดังกล่าวจะเป็นบวก แต่ก็ถือว่าไม่มากนัก เนื่องจากหากกรณีสมมติฐานให้ลดหย่อนภาษีสำหรับซื้อรถยนต์ใหม่ได้ 2 แสนบาท ซึ่งประเมินมูลค่ารถยนต์ส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านบาท และฐานภาษีอยู่ที่ 20% กลับพบว่าสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ 4 หมื่นบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 4% ของมูลค่ารถยนต์เท่านั้น จึงทำให้มองว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อตลาดรถยนต์ไม่มาก เพราะปัจจุบันค่ายรถยนต์ก็มีการให้ส่วนลดหรือโปรโมชั่นต่างๆในระดับดังกล่าวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากมาตรการช่วยเหลือกลุ่มยานยนต์ออกมามากกว่าที่คาดก็อาจเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมมากขึ้น

ส่วนทิศทางผลประกอบการของกลุ่มฯในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยๆเป็นค่อยไป โดยในช่วงไตรมาส 3/2563 คาดว่ายอดกำลังการผลิตจะกลับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้น หลังจากในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมามีการปิดโรงงานกันค่อนข้างมากจากสถานการณ์โควิด-19 และทำให้ผลประกอบการออกมาต่ำสุดของปี เพราะหลายบริษัทขาดทุนกันจำนวนมาก รวมถึงหากมีมาตรการดังกล่าวของภาครัฐเข้ามาก็น่าจะช่วยให้การฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

“เรายังให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์น้อยกว่าตลาด เนื่องจากมองกำไรปีนี้อาจทำได้ไม่มากนัก แต่หากมีมาตรการภาครัฐออกมาช่วยกระตุ้นก็อาจส่งผลให้เห็นการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ส่วนราคาหุ้นในกลุ่มถือว่าตอบรับข่าวบางส่วนแล้ว ซึ่งวันอนุมัติมาตรการออกมาจริงอาจส่งผลให้ราคาในกลุ่มฯไม่ปรับตัวขึ้นมากแล้ว”

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ปรับตัวขึ้น เชื่อว่ามาจากปัจจัยบวกดังกล่าว โดยคาดว่ามาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อรถในประเทศ และทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ประโยชน์เกือบทุกบริษัท เพราะจะส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) และกำไรจะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามมองว่าในส่วนของรายละเอียดของมาตรการดังกล่าวยังออกมาไม่ชัดเจนและเบื้องต้นมองว่าผลกระทบอาจไม่รุนแรงเท่าโครงการรถยนต์คันแรก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นยอดขายในประเทศได้ไม่มากนัก โดยฝ่ายวิจัยยัง Underweight กลุ่มดังกล่าว หลังจากยอดผลิตรถยนต์ยังโดนกดดันและสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก