ตามคาด! 'รีพับลิกัน' เสนอชื่อ 'ทรัมป์' ชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐเป็นทางการ

ตามคาด! 'รีพับลิกัน' เสนอชื่อ 'ทรัมป์' ชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐเป็นทางการ

พรรค "รีพับลิกัน" เสนอชื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐตามคาด โดยจะประชันกับ "โจ ไบเดน" จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเดือน พ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดหนัก หากทรัมป์แพ้เลือกตั้ง

พรรครีพับลิกัน ประกาศเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ ในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันจันทร์ (24 ส.ค.)

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยจะใช้เวลา 4 วัน และไฮไลต์จะอยู่ที่การกล่าวสุนทรพจน์ของนายทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) เพื่อตอบรับการเสนอชื่ออีกสมัย

ขณะนี้ ผลการสำรวจของทุกสำนักต่างฟันธงว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต จะมีชัยชนะเหนือประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้ และหากนายทรัมป์ประสบความพ่ายแพ้จริง ก็จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันจากพรรคเดโมแครตในปี 2535

อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาให้บทเรียนว่าโพลต่าง ๆ ไม่ได้รับประกันว่าผลจะออกมาตามที่มีการสำรวจไว้ ซึ่งจะเห็นได้จากการทำโพลเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ทุกสำนักต่างฟันธงว่า ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และจะเป็นสตรีคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ผลสุดท้าย นายทรัมป์กลับเป็นฝ่ายชนะ ทั้ง ๆ ที่เขาตกเป็นรองมาโดยตลอดในการสำรวจความนิยมของชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัว หากนายไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ จากการที่เขามีนโยบายเพิ่มภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจน 

ก่อนหน้านี้ นายไบเดนประกาศช่วงหาเสียงว่า จะยกเลิกมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% จากเดิมที่นายทรัมป์ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน และจะปรับเพิ่มภาษีของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี

นอกจากนี้ นายไบเดนเผยว่า จะเพิ่มการลดหย่อนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และให้เงินอุดหนุนภาษีสำหรับการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น