ผันผวนไปตามตัวเลขเศรษฐกิจ ติดตามถ้อยแถลงเฟด 27-28 ส.ค.

ผันผวนไปตามตัวเลขเศรษฐกิจ ติดตามถ้อยแถลงเฟด 27-28 ส.ค.

ผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจ

หุ้นยุโรปรับลดลงหลัง PMI อ่อนแอ ขณะที่สหรัฐฯ PMI Composite ส.ค.ปรับขึ้นสู่ 54.7 สูงสุดในรอบ 18 เดือน จาก ก.ค.ที่ 50.3 โดยตัวเลขภาคบริการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับจากต้นปี โดยนักลงทุนมีแนวโน้มรอติดตามการแถลงทางเศรษฐกิจของประธานเฟดในการประชุมที่ Jackson Hole วันที่ 27-28 ส.ค.นี้ สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้ติดตามตัวเลขส่งออก ก.ค. คาด -18.75% (จากพ.ค.ที่ -23.2%) ตลาดช่วงสั้นไร้ปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจน และมีแนวโน้มเก็งกำไรปัจจัยรายตัวที่เข้ามาในช่วงนี้

การปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าในกลุ่ม PTT บวกต่อ TOP เมื่อศุกร์ที่ผ่านมากลุ่มปตท.มีการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า โดย TOP ขายหุ้น GPSC 8.9% (ที่ราคา 6.70 บาท หลังหักปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท) ให้แก่ทาง PTT ซึ่งทำให้น่าจะรับรู้กำไรพิเศษราว 5.4 พันล้านบาท (มีโอกาสจ่ายปันผลช่วงปลายปี) หลังการปรับโครงสร้างดังกล่าว TOP จะเหลือหุ้น GPSC 20.8% ซึ่งเป็นการถือหุ้นผ่าน Thaioil Power (TP) โดยกำไรจากเงินลงทุน จะหายไปปีละประมาณ 200 ล้านบาท เรามองดีลนี้เป็นบวกระยะสั้นต่อ TOP/ เป็นกลางต่อ PTT / และไม่กระทบต่อ GPSC อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ปรับลดลง คาดเกิดจากตลาดเพิ่งรับรู้การปิดซ่อมบำรุงที่ไม่อยู่ในแผนการ

CRC, BGRIM, BBL ถูกนำเข้าคำนวณใน FTSE Global Index ในการทบทวนดัชนี FTSE รอบกลางปี ซึ่งจะมีผลหลังปิดตลาด 18 ก.ย.63 ในกลุ่มหุ้นใหญ่ มีการเพิ่ม CRC, BGRIM, BBL (NVDR) เข้าในการคำนวณ ขณะที่ถอด TOP จากหุ้นใหญ่ไปอยู่ในดัชนีหุ้นขนาดกลาง / หุ้นกลาง เพิ่ม TOP, CBG และถอด BGRIM (เลื่อนไปอยู่ในดัชนีหุ้นใหญ่) // หุ้นขนาดเล็ก เพิ่ม MEGA, IMPACT, JMT และถอด CBG (เลื่อนขึ้นไปหุ้นกลาง) // หุ้นขนาดเล็กมาก (Micro Cap) หุ้นเข้าสู่ดัชนี ได้แก่ SGP, BAFS, SPF, S, PRIME, SABINA, SINGER, LST, TWPC, UAC, MAJOR, MFEC, APURE, BIG, MODERN, THIP, ESTAR, SCP, EMC, TRC, TEAMG ขณะที่ถอด RBF, SKR, TNR, BRRGIF, LHPF, RCI, IHL, RSP จากการคำนวณ

ยังคงเน้นหุ้นปลอดภัย หรือที่มีปัจจัยเก็งกำไรชัดเจน เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นระยะสั้นหลังปรับลดลงแรงติดต่อกันหลายวัน อย่างไรก็ตามยังคาดอยู่ในภาพของการปรับตัวในระดับ 50-100 จุด (ของรอบนี้ นับจาก 13 ส.ค.) โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1260-1280 จุด ในช่วง 3-5 สัปดาห์ข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้นจึงเน้นในกลุ่มหุ้นปลอดภัย อาทิ สื่อสาร และหุ้นที่มีปันผลสูง อาทิ กองทุนโคงสร้างพื้นฐานและกองรีทส์ หรือหุ้นที่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจน หุ้นที่เราชอบได้แก่ CPF, TU, TIP, THRE, ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, SUPEREIF, BTSGIF, BCH, CHG, WHAUP, EASTW / หุ้นที่มีปัจจัยบวก กลุ่มที่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี FTSE Thailand

ภาพรวมกลยุทธ์ ฟื้นตัวทางเทคนิคระยะสั้น แนวต้าน 1306 จุด โดยการเก็งกำไรยังควรระวังความผันผวนระยะสั้นจากทิศทางค่าเงินสหรัฐฯ ที่มีโอกาสแข็งค่าขึ้น เพื่อรอจุดซื้อที่ดีแถว 1,260-1,280 จุด// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CRC*, CPF, TU / ขายชอร์ต SAWAD (เป้า 42 ตัดขาดทุน 51.50)

แนวรับ 1,287 จุด / แนวต้าน : 1,309-1,318 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงแข็งแกร่ง ธปท.เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ประจำไตรมาส 2/63 มีความมั่นคง ระดับเงินกองทุนสูง และมีความสามารถในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจการเงินในภาวะที่มีความท้าทายต่อไปได้

รื้อเกณฑ์ประมูลสายสีส้มใหม่ รฟม.มีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์พิจารณาเกณฑ์ประมูลรถไฟฟาสายสีส้มใหม่ พร้อมเลื่อนยื่นซอง 45 วัน

KBSPIF กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) เข้าซื้อขายวันแรก 24 ส.ค.

ท่องเที่ยว – ครม.สัญญรเตรียมปรับเงื่อนไขการใช้สิทธิ์โครงการ “เที่ยวด้วยกัน” โดยคาดจะให้ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นทั้งระยะเวลาการเข้าพัก รวมถึง สิทธิ์ในการลดหย่อนค่าตั๋วเครื่องบิน

ค่าระวางเรือ ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) อยู่ที่ 1,481 เปลี่ยนแปลง -37.00 หรือ -2.44%

ประเด็นติดตาม: 26 ส.ค. – TH Industrial Production / 27 ส.ค. – FED Annual meeting, US GDP 2Q20

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)