กำไร 'ตลาดหุ้น' ไตรมาส 2 ต่ำสุด?

กำไร 'ตลาดหุ้น' ไตรมาส 2 ต่ำสุด?

กำไรตลาดหุ้นไทยโดยรวมไตรมาสสองหดตัว 50% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รัฐบาลปรับทีมเศรษฐกิจใหม่ หากไม่มีมาตรการที่ต่างจากเดิม นักลงทุนจะเริ่มขาดความมั่นใจ กำลังซื้อหดหายไปเรื่อยๆ กำไรบริษัทจดทะเบียนอาจอยู่ในภาวะทรงตัว ไม่ฟื้นตัวดังที่คาดไว้

“กำไรตลาดหุ้นไทย” โดยรวมในไตรมาสสองหดตัวลง 50% เทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่ฟื้นตัวได้เล็กน้อย 7% จากไตรมาสแรก กำไรของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังต้องดิ้นรนสำหรับการฟื้นตัวในอีก 12 เดือนข้างหน้า นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของกำไรบริษัทฯรวมจะกลับมาได้เร็วแค่ไหน ขณะที่ราคาหุ้นลอยค้างรอผลประกอบการอยู่ข้างบน

ทีมวิจัยหลักทรัพย์บัวหลวงคาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวไป 8.7% จากปีก่อน และเห็นเศรษฐกิจกลับมาโตในปีหน้าจะฐานตัวเลขต่ำสุดผ่านไป แต่หนทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบ เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาการขับเคลื่อนเติบโตจากภายนอกค่อนข้างสูง ทั้งจากภาคส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งเครื่องยนต์ยังไม่สามารถกลับมาสู่ระดับปกติในเวลาอันใกล้

รัฐบาลได้มีการปรับเปลี่ยนทีมงานเพื่อบริหารเศรษฐกิจ และอื่นๆ โดยตลาดการเงินนั้นคาดหวังจะเห็นแนวทางการผลักดันมาตรการเศรษฐกิจที่แตกต่างจากทีมเศรษฐกิจที่นำโดยท่าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งท้าท้ายอย่างมาก เดี๋ยวนี้ช่วงเวลาของฮันนีมูนนั้นสั้นลงเหลือเพียง 3 เดือน หากทีมเศรษฐกิจใหม่ไม่มีมาตรการที่แตกต่างจากเดิม แค่มาสืบสานงานต่อ ผมคิดว่านักลงทุนจะเริ่มขาดความมั่นใจต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงว่าการปรับเปลี่ยนคณะทำงานเป็นเพียงการซื้อเวลาในทางการเมือง มากกว่าการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือหาแนวความคิดสร้างสรรใหม่ ดังที่หลายคนคาดหวัง

กำลังซื้อของคนไทยในประเทศเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ หากเราใช้เวลานานในการฟื้นฟู ซึ่งหมายถึงประชาชนจะหันมาประหยัดเพิ่มขึ้นแทนที่จะใช้เงิน สัดส่วนหนี้สาธารณะ/GDP ก็จะสูงขึ้นเพราะ GDP เศรษฐกิจไทยหดตัว และรัฐบาลคงต้องกู้เพิ่มด้วย นั่นแสดงว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนอาจอยู่ในภาวะทรงตัวเท่านั้น ไม่ฟื้นตัวดังที่คาดกันไว้

จากประมาณการนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเห็นกำไรบริษัทโดยรวมสามารถกลับมาเท่ากับระดับก่อน Covid-19 ระบาดในสิ้นปีหน้านั้นดูจะมีโอกาสน้อยลงไปเรื่อยๆ (สถิติในอดีต กำไรบริษัทรวมจะกลับมาเท่ากับระดับก่อนวิกฤตเศรษฐกิจจะใช้เวลาฟื้นตัวราว 3-4 ปี) แสดงว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นมีความคาดหวังที่สูงมาก

ผมไม่แน่ใจว่านักลงทุนที่ถือหุ้นในปัจจุบันที่ต้นทุนระดับดัชนี 1400 จุดนั้นจะทนทานได้นานแค่ไหนหากตัวเลขกำไรฟื้นช้า แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศเริ่มขายอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่สอง แม้ว่าดัชนี SET ที่ปรับลดลงมาที่ระดับ 1300 จุด น่าจะสะท้อนกำไรที่ออกมาแย่มากก็ตาม ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มตลาดหุ้นเอเซีย ผมคงต้องยืมคำพูดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า การ์ดอย่าตก ครับ ประกอบกับตลาดหุ้นไทยปัจจุบันยังคงมีทิศทางอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นเอเซียด้วยกันเอง ท่านนักลงทุนยิ่งต้องห้ามการ์ดตกครับ