'วิชา' ขอทนายความ 'บอส อยู่วิทยา' เข้าชี้แจงข้อมูลด่วน

'วิชา' ขอทนายความ 'บอส อยู่วิทยา' เข้าชี้แจงข้อมูลด่วน

“วิชา” ถามหา “ธนิต บัวเขียว” ทนายความยื้อคดีขอความเป็นธรรมให้ “บอส อยู่วิทยา” เข้าชี้แจงข้อมูลด่วน

เมื่อวันที่ 23 ส.ค.63 มีการประชุมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ  “บอส อยู่วิทยา” ซึ่งในการประชุมวันนี้ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ได้ถามถึง นายธนิต บัวเขียว ทนายความที่ยื่นขอความเป็นธรรมแทนนายวรยุทธ ต่อคณะกรรมาธิการ สนช. พร้อมระบุว่าในสัปดาห์หน้าจะทำรายงานสรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และเตรียมต่ออายุทำงานอีก 2 สัปดาห์

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่ กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในวันนี้ที่ สำนักงานกฤษฎีกา นานกว่า 3 ชั่วโมง นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เปิดเผย ว่า วันนี้มีประเด็นที่เกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่ทำมาแล้วว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง โดยพบว่ายังมีพยานอีกบางปากทั้งฝ่ายตำรวจและบุคคลทั่วไป ซึ่งจะเชิญมาให้ถ้อยคำในสัปดาห์หน้า และอยากให้ นายธนิต บัวเขียว ทนายความผู้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ กมธ.สนช. ให้กับนายวรายุทธ มาให้ถ้อยคำด้วย แต่ปรากฏว่ายังติดต่อไม่ได้ หากสื่อรู้เบาะแสก็ขอให้ช่วยแจ้งหรือประกาศข่าวไปว่าคณะกรรมการอยากพบตัวด่วน

นายวิชา เปิดเผยอีกว่า แม้ไม่ได้มาชี้แจง ก็มีข้อมูลอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ว่านายธนิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับการร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการ และคณะกรรมาธิการก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบ นำมาซึ่งการสอบพยานเพิ่มเติมของอัยการ จนในที่สุดใน นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง ซึ่งข้อมูลก็ชัดเจนแล้วว่ามีการดำเนินการมาตั้งแต่ชั้นคณะกรรมาธิการของ สนช. ซึ่งก็มีมูลว่ามีพฤติการณ์ที่เห็นชัดเจน ซึ่งได้ส่งเอกสารทั้งหมดมาแล้ว ส่วนการเอาผิดผู้ที่ดำเนินการ คงต้องดูรายละเอียด และแจ้งฝ่ายเลขานุการให้ตรวจสอบเรื่องอำนาจหน้าที่ คณะกรรมาธิการบอกว่ามีอำนาจหน้าที่ จึงต้องเอาให้ชัด บางคนก็ทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ แต่อย่าเพิ่งระบุชื่อรายบุคคล ส่วนจะต้องเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ที่ทำหน้าที่บกพร่อง ก็ค่อยว่ากันในรายละเอียด ว่าเป็นความผิดขององค์กรหรือความผิดของบุคคล

ส่วนกรณีนี้จะแสดงให้เห็นว่า กมธ.สนช. มีอิทธิพลต่อตำรวจและอัยการหรือไม่นั้น นายวิชา กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องอิทธิพล แต่คงเป็นเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ แต่จะเกี่ยวข้องกับคนที่มียศตำแหน่งใหญ่โตในคณะกรรมาธิการหรือไม่ ก็น่าจะเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือทั้งตัวองค์กรและตัวบุคคล สุดแล้วแต่ว่าคนที่รับฟังคนที่ร้องขอความเป็นธรรมจะเลือกเชื่อ หรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับองค์กรที่จะรับช่วงต่อ แต่อย่างไรก็ตามเห็นตรงกันว่า การร้องขอความเป็นธรรม ควรจะเป็นบุคคลผู้เสียหายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร้องด้วยตนเอง

นายวิชา ยังเปิดเผยอีกว่า สัปดาห์หน้าจะต้องดำเนินการยกร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ ที่กล่าวถึงทั้งเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย วันนี้ที่ใช้เวลานานก็เพราะคณะกรรมการพยายามกำหนดประเด็นว่า ควรจะมีประเด็นใดบ้าง ทั้งเรื่องความชอบธรรม การดำเนินการขององค์กรนั้น ๆ หรือของตัวบุคคล โดยรายละเอียดก็คงจะเสนอในสัปดาห์หน้า ให้คณะกรรมการพิจารณา

ส่วนการขอขยายการทำงานของคณะกรรมการ นายวิชาบอกว่า การสรุปรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในเนื้อหาตัวสำนวน น่าจะจบภายใน 30 วันตามที่กำหนดไว้ แต่เบื้องต้นน่าจะขยายเวลาออกไปอีก 2 สัปดาห์ เนื่องจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พี่กำลังพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา กำลังรอข้อเสนอและผลสรุปจากคณะกรรมการ เกี่ยวกับประเด็นที่ต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีการทำเรื่องถอนหมายแดงของตำรวจสากล ยกเลิกการจับกุม “บอส อยู่วิทยา” นายวิชา เผยว่า พลตำรวจตรีอภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บังคับการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เป็นผู้ติดต่อตำรวจสากลให้ออกหมายแดงเพื่อจับกุมนายวรยุทธ ส่วนบุคคลที่ทำเรื่องถอดหมายแดง จะทราบข้อมูลในสัปดาห์หน้า โดยจะเชิญผู้บังคับการกองการต่างประเทศมาให้การ รวมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีของ นายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยคณะทำงานจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่วันจันทร์เพื่อจัดทำรายงาน ที่อาคารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เทเวศร์