เงินบาทอ่อนค่าสวนภูมิภาค จับตาเจรจาสหรัฐ-จีน

เงินบาทอ่อนค่าสวนภูมิภาค จับตาเจรจาสหรัฐ-จีน

สัปดาห์นี้เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สวนทางค่าเงินเอเชียโดยรวม จากหลายปัจจัยยังกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยในประเทศ  โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมาสภาพัฒน์รายงานว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองปี 2563 หดตัวร้อยละ 12.2

สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20-31.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยประเด็นหลักยังต้องจับตาสถานการณ์โควิด-19 ทั้งต่างประเทศและในประเทศ รวมทั้งการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่อาจจะมีขึ้นเพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรก หลังเลื่อนมาจากกำหนดการเดิม 15 ส.ค. ขณะที่สภาพคล่องดอลลาร์ยังคงเพิ่มขึ้นจากการที่เฟดเดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและซื้อตราสารหนี้ MBS อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกดดันดอลลาร์และเพิ่มความผันผวนให้ตลาดการเงินโลก

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21ส.ค.2563) ปิดซื้อขายที่ 1,299.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด หรือ 0.19% มูลค่าซื้อขาย 42,295.00 ล้านบาท บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่าตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศกดดันและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรวมถึงมูลค่าตลาดหุ้นไทยที่ยังดูแพง หลังจากมีการปรับลดคาดการณ์ EPS โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,270-1,330 จุด

ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,932.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 28,850 บาทต่อบาททองคำ โดยวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐยังคงสร้างแรงซื้อพยุงราคาทองคําไว้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจรอเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวเข้าใกล้แนวรับ 1,924 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด) เพื่อรอเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปโซน1,906-1,885 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคาทองคําขึ้นทดสอบแนวต้าน1,960-1,981 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนําขายทํากําไรเพื่อลดความเสี่ยง