Rebound ในกรอบจำกัด

หลังทราบผลการประชุมเฟดซึ่งเฟดแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจหากโควิดระบาดรอบ 2 นอกจากนี้ในไทยพบผู้ติดเชื้อฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 80 วันเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,296.79 จุด -11.88 จุด -0.91% มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นลบ.ต่างชาติ -1,849.80 ลบ. TFEX Net -3,162 สัญญา ตราสารหนี้ -2,179 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 46.85 จุด +0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีด้วยหวังว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะฟื้นตัวเร็วกว่าภาคส่วนอื่นๆ ช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลขคนว่างงานในสหรัฐที่สูงกว่าคาด

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 35 เซนต์ -0.8% ปิดที่ 42.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าการคาดการณ์

+Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจดีดตัวในเดือนก.ค.

+รัสเซียเตรียมทดลองวัคซีนโควิดเฟส 3 สัปดาห์หน้า

+จีน-สหรัฐตกลงกลับสู่โต๊ะเจรจาทางโทรศัพท์เร็วๆนี้เพื่อทบทวนความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าเฟสแรกในรอบ 6 เดือน

+สธ.เผยผลตรวจหญิงไทยในจ.เลย เป็นซากเชื้อ แต่ยังต้องติดตามอาการในรพ. เร่งสอบสวนโรคผู้สัมผัสใกล้ชิด 24 รายในกทม.และจ.เลย

+สอท.รายงานดัชนี เชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังคลาย lockdown

-เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาวะธุรกิจมิด-แอตแลนติกต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค.

-WHO เตือนยุโรปการ์ดตกเป็นสาเหตุโควิดระบาดรอบใหม่

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 44.23 จุด -1.30%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 229.99 จุด -1.00% เช้าเปิด +142.14 จุดตามสหรัฐ

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.38 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.28 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาส Rebound ในกรอบจำกัด หลัง ศบค.แถลงผลตรวจหญิงสาว 2 ราย ไม่นับเป็นผู้ป่วยโควิด-19 เพราะตรวจเชื้อแล้วเป็นลบ 2 ครั้ง และปะเด็นบวกจากสหรัฐ-จีนตกลงกลับสู่โต๊ะเจรจาในเร็วๆ นี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามประเด็นการเมืองในประเทศเป็นหลัก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,290-1,306 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

NER | Analyst Meeting | Bloomberg Consensus 3.57 บาท “มุมมองบวก”

(+) เรามีมุมมองบวกหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยแนวโน้มตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป จะเติบโตดีต่อเนื่อง QoQ YoY โดยคาดปริมาณขายใน 3Q63 จะเติบโตสู่ 1 แสนตัน จากไตรมาสก่อนที่ 6.2 หมื่นตัน และคาดรายได้ในงวด Q3 อาจแตะระดับ 4 พันลบ. +33%YoY +48%QoQ ตามความต้องการยางในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

(+) ได้ผลบวกจาก Economies of Scale ของโรงงานใหม่ที่ดีขึ้น แต่ %GPM ใน 3Q63 อาจเติบโตเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากถูกกดดันจากราคาขายยางเฉลี่ยที่ลดลง

(+) คาด 4Q63 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ตามความต้องการยางในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคายางขายล่วงหน้าใน 4Q63 ที่ดีขึ้น ดังนั้นในแง่ของรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้นในงวด 4Q63 จะโตดีกว่า 3Q63 โดยทั้งปี 63 บริษัทตั้งเป้ารายได้ราว 1.7 หมื่นลบ. +30%YoY

(+) คาด consensus มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นจากล่าสุด 657 ล้านบาท +22%yoy  (มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน)

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในไทย ( MAKRO BJC APCO MEGA IP MGT)
• หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
• หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังธปท.ห้ามมือถือ 'รุ่นเก่า' ใช้โมบายแบงกิ้ง (COM7 SPVI JMART SIS SYNEX)

หุ้นมีข่าว

SC Conference Call (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 2.52 บาท)

2Q63 มีกำไรสุทธิ 456 ล้านบาท +62%YoY +52%QoQ 1H63 มีกำไร 757 ล้านบาท +27%YoY ยอดขาย presale ทำได้ 6,220 ล้านบาทเติบโตดีมาก +47%YoY +214%QoQ ในช่วง 2Q63 ส่งผลให้ 1H63 เท่ากับ 8,202 ล้านบาท +17%YoY ปลายงวด 2Q63 มีสินค้าพร้อมขายมูลค่า 8,000 ล้านบาท

ผู้บริหารยืนยันเป้าหมายรายได้และยอดขาย presale ปีนี้ที่ระดับ 1.7 หมื่นล้านบาทเท่ากัน โดยมี backlog รองรับ 75% ในช่วง 2H63 มีแผนเร่งสปีดยอดขายจะเปิดใหม่ 7 โครงการเป็นแนวราบทั้งหมดมูลค่ารวมราว 8 พันล้านบาท โดยจะกลับมาเน้นธุรกิจหลักด้านอสังหาฯ ส่วนโครงการพัฒนาโรงแรมเพื่อสร้างรายได้ประจำจะเลื่อนไปเริ่มก่อสร้างปีหน้า

ความเห็น การกลับมาเน้นเฉพาะธุรกิจหลักช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน ทั้งนี้ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE ต่ำเพียง 4.3 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 14 เท่า  yield 8% น่าสนใจถือลงทุนยาวรับเงินปันผล

(+) จับตา FTSE all world ประกาศรายชื่อหุ้นเข้าคำนวณใหม่วันนี้ “เซ็นทรัล รีเทล”  หรือ CRC เต็งจ๋า ผลจากเป็นไอพีโอหุ้นขนาดใหญ่ มาร์เก็ตแคป 1.8 แสนล้านบาท คาดกองทุน PASSIVE FUND เข้าซื้อ 3.2 พันล้านบาท ขณะที่ CBG มีลุ้นติดโผด้วย มีผล 18 ก.ย.นี้ โบรกฯ คาดงบไตรมาส 3/63 พลิกมีกำไร ด้าน MSCI เพิ่มน้ำหนัก BBL-F กว่า 14 ล้านเหรียญฯ และ BH ขึ้น 5.4 ล้านเหรียญฯ มีผลสิ้นเดือนนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) “สุพัฒนพงษ์” รมว.พลังงานคนใหม่ เร่งศึกษาเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชนให้ชัดเจนภายใน 30 วัน เตรียมเปิดเอกชนยื่นเสนอโครงการภายในปลายปีนี้ ขณะที่ “ไอพีพี-เอสพีพี” โล่ง! หลังรัฐเล็งนำปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศเกิน 40% ไปขายต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา และเมียนมา ฟาก 4 หุ้นเด่น “ACE-NER-UAC-TPCH” ตีปีกรอชิงเค้กโรงไฟฟ้าชุมชน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BTS (Bloomberg Consensus 13.05 บาท) คาดปี 63/64 ผู้โดยสารปิดที่ 200 ล้านเที่ยวคน ลดลง 10% หลังเจอพิษโควิดกระทบการเดินทางช่วงไตรมาสแรก พร้อมได้อานิสงส์งานก่อสร้าง-วางระบบ-เดินรถ ทำรายได้ให้กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท คาดได้เซ็นสัญญา งาน O&M มอเตอร์เวย์ 2 สายสัปดาห์หน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MJD (Bloomberg Consensus - บาท)  โชว์แบ็กล็อก 10,000 ล้านบาท ทยอยส่งมอบต่อเนื่อง แง้มครึ่งปีหลังจ่อโอนคอนโดฯใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ลั่นไม่หวั่นลูกค้าต่างชาติโอนไม่ได้ รอรัฐบาลผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JMART (Bloomberg Consensus 15.00 บาท) เตรียมดัน 4 บริษัทในเครือเข้าตลาด หวังมาร์เก็ตแคปแตะ 5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2565 มั่นใจผลงานครึ่งหลังปี 2563 โตทุกไตรมาส ขณะที่ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการหน้าร้านได้เต็ม 100% กางแผนเปิดสาขาใหม่กว่า 24 แห่ง และ Gedjet อีก 10 สาขา วางเป้าสร้างยอดขายไตรมาส 4/2563 ไม่ต่ำกว่า 240 ล้านบาท รับไฮซีซัน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SKN (Bloomberg Consensus - บาท)  รุกขยายฐานลูกค้าประเทศใหม่ๆ หวังดันยอดขายปีนี้โตมากกว่า 70% พร้อมรักษากำลังการผลิตที่ระดับ 90% พร้อมโชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรพุ่งแรง 927.18% ที่ 91.83 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 1,172.36 ล้านบาท เติบโต 7.76% จากปริมาณขายและราคาขายเพิ่มสูงขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SINGER (Bloomberg Consensus - บาท) ปักธงยอดขายครึ่งหลังปี 2563 ทำนิวไฮต่อเนื่อง เครื่องทำความเย็นยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ด้านรถทำเงินตอบรับดีเกินคาด ดันพอร์ตสินเชื่อรวมปี 2563 ทะลุเป้าแตะ 6 พันล้านบาท ผนึกกำลัง JMART แบ่งหน้าร้านขายของ และปล่อยสินเชื่อ หวังดันรายได้รวมปีนี้โตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)