สั่ง 'เปิดเวที' ถกนักเรียนทั่วประเทศ - ศาลให้ประกัน 9 แกนนำม็อบปลดแอก

สั่ง 'เปิดเวที' ถกนักเรียนทั่วประเทศ - ศาลให้ประกัน 9 แกนนำม็อบปลดแอก

กำชับเปิดกว้างแสดงความเห็นการเมือง "ณัฏฐพล" แนะหันหน้าพูดคุย - ศาลให้ประกัน 9 แกนนำม็อบปลดแอก ด้าน "จักรทิพย์" พ้อ ม.157 ค้ำคอ 

ความเคลื่อนไหวการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา และนักเรียนในพื้นที่ต่างๆขณะนี้ ล่าสุดมีท่าทีมาจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ค เนื้อหาโดยสรุปว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจเรื่องการชุมนุมตามหลักประชาธิปไตย การเรียกร้องสิทธิ หรือแม้แต่การใช้สัญลักษณ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเพราะการแก้ปัญหาให้ถูกทาง การหาคำตอบให้ตรงข้อเรียกร้อง การเผชิญหน้าโดยไม่มีการแทรกแซง สามารถเปลี่ยนจากข้อกังขาเป็นหนทางสู่การแก้ปัญหาได้ตรงจุดสำหรับผมยินดีอย่างมากที่ได้พบกลุ่มน้องนักเรียนโดยตรงด้วยตัวเอง

รมว.ศธ. ยังระบุว่า มาครับ...มาหาทางออก มาพลิกความเห็นที่แตกต่าง เป็นการเผชิญหน้าเพื่อเปิดใจรับฟัง หาแนวทางพร้อมแก้ปัญหา โดยไม่ถูกแทรกแซงผมรับปากน้องๆ ไว้ว่าทางกระทรวงศึกษาธิการพร้อมเปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็น โดยไม่มีการคุกคามน่าจะช่วยลดความกดดันให้ทั้งครู ผู้บริหารสถานศึกษา และนักเรียน ได้แสดงออกมากกว่าผ่านกระบวนการของการชุมนุมแต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กรอบและขอบเขตของหลักการตามหลักประชาธิปไตย

รมว.ศธ.ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งไหนยังไม่ได้ทำ ก็ได้หาแนวทางร่วมกันอย่างมีเหตุมีผล หรือมีข้อเรียกร้อง เสนอแนะเพิ่มเติมก็จะได้มาคุยกัน หาทางออกด้วยกันนะ#นัดพบในกระทรวง

วันเดียวกันน.ส.ดุริยา อมตวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการลงนามบันทึกข้อความด่วนที่สุดถึงเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาชั้นพื้นฐานกำชับให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียนนักศึกษาในประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการศึกษาและการเมืองอาทิให้สถานศึกษาเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียนนักศึกษาโดยนักเรียนนักศึกษาแสดงความคิดเห็นผ่านกิจกรรมของสภานักเรียนหรือองค์กรกลุ่มซึ่งเป็นผู้แทนนักเรียนนักศึกษาในระดับสถานศึกษา

พร้อมขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาคำนึงถึงการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและความปลอดภัยของนักเรียนนักศึกษาผู้บริหารสถานศึกษานำข้อเสนอของนักเรียนนักศึกษาเสนอต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ดำเนินการรวบรวมและจัดทำสรุปผลการปิดรับฟังความเห็นของนักเรียนนักศึกษาในภาพรวมของจังหวัดเสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดและให้หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดจัดทำสรุปผลการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียนนักศึกษาในภาพรวมของหน่วยงานจัดส่งข้อมูลมายังสำนักบูรณาการกิจการการศึกษาสป.ภายในวันที่15ก.ย.เพื่อเสนอผู้บริหารกระทรวงต่อไป

ศาลให้ประกัน9แกนนำม็อบปลดแอก

ส่วนความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม4แกนนำคณะประชาชนปลดแอก และอีก5แกนนำ กลุ่มเยาวชนปลดแอก วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้ง9คนประกอบด้วย นายอานนท์ นำพา, นายบารมี ชัยรัตน์, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายเดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอกกี้ ผู้ร้องเพลงประเทศกูมี นายทศพร สินสมบุญ ,นาย ธานี สะสม ,นาย ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ และ ธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ “บุ๊ค” แร็ปเปอร์วง Eleven Fingerผู้ต้องหาตามหมายจับคดียุยงปลุกปั่นตามมาตรา116 

วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดกันเดินทางไปฝากขังที่ศาลอาญาโดยมีทนายความทั้ง 9 คน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยใช้หลักทรัพย์เป็นตำแหน่ง ส.ส.ของนักการเมือง เพื่อขอปล่อยชั่วคราว

ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดชั่วคราว มีประกันในวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน

กมธ.งบจี้ถามปมเอาผิดม็อบ

ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งพิจารณางบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ซึ่งกรรมาธิการฯ หลายพรรคได้ซักถามถึงการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศในขณะนี้

โดยนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลตั้งคำถามและมีข้อสังเกตกรณีตำรวจมีการจับกุม ข่มขู่ คุกคามนักเรียน นักศึกษาและประชาชน และถามถึงประเด็นการตัดสัญญาณโทรศัพท์ในสถานที่ชุมนุม พร้อมตั้งคำถามไปยังตำรวจด้วยว่าถ้าประชาชนถูกฟ้องด้วย มาตรา 116 กลับกันหากประชาชนจะฟ้อง มาตรา 157 ต่อตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่บ้าง ควรจะฟ้องใครถึงจะเกิดความยุติธรรม

เช่นเดียวกับนายปกรวุฒิ อุดมพิพัฒน์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ  กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีการตั้งข้อหาคดีความกับผู้ที่ออกมาชุมนุมที่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล จึงอยากขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชนตามคำเรียกร้องของผู้ชุมนุม 1 ใน 3 ข้อ ให้เจ้าหน้าที่รัฐมีการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม

“จักรทิพย์” พ้อม.157ค้ำคอ

ขณะที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)กล่าวว่า ตนได้กำชับกับทางตำรวจว่า อย่าไปสร้างเงื่อนไข ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลางเลือกข้างไม่ได้ อีกทั้งปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มีกล้องในพื้นที่ชุมนุมเต็มไปหมด ตำรวจทำอะไรต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องการตัดสัญญาณในที่ชุมนุม ที่มีคนอยู่ กว่า 1.2 หมื่นกว่าคนมาอยู่รวมกัน ยังไงก็ต้องมีติดต่อไม่ได้บ้าง ทั้งนี้เราไม่มีเจตนาเอาสัญญาณมารบกวนแต่อย่างใด ตำรวจเองก็ใช้ไม่ได้ด้วย

ซึ่งก่อนที่จะมีคนมาชุมนุม ตำรวจได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็นดินเทาซึ่งเป็นดินที่เป็นสารตั้งต้นจุดระเบิดได้ ยืนยันว่าตนไม่ใช่เป็นผู้ขัดแย้ง แม้แต่เหตุการณ์ที่มี มีนักศึกษามากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็บอกลูกน้องว่าให้อดทน และก็ขอให้ผู้ชุมนุมเชื่อฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ในส่วนของมาตรา 116 พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ตนจะรับข้อสังเกตไปดำเนินการแก้ไข พร้อมขอให้กมธ.พิจารณาไม่ตัดงบประมาณของตร.

“ผมได้กำชับรองผบ.ตร.ดูแลในเรื่องข้อกฎหมาย เพราะมีกฎหมายเป็นอย่างมาก ตำรวจไม่ได้อยากทำ ท่านไม่เป็นผมท่านไม่รู้หรอกผมมี มาตรา 157 ค้ำคอ ไม่ทำก็ไม่ได้ ท่านจะประท้วงที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ไปเลย แต่ท่านเลือกชุมนุมตามยุทธศาสตร์อย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

ตร.ออกหมายจับ15แกนนำม็อบ

ส่วนพ.ต.อ.กกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.กล่าวถึงกรณีมีนักเรียนออกมาชุมนุมแสดงความเห็นทางการเมืองว่า ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบอยู่แล้ว แม้ว่าสถานที่จะเป็นภายในโรงเรียน แต่หากมีความสุ่มเสี่ยงกับการกระทำที่ไม่เรียบร้อย คงต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าติดตามสถานการณ์ ซึ่งเท่าที่ทราบสถานศึกษาหลายแห่งก็เปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่อยากฝากเรื่องการกระทำที่สุ่มเสี่ยงก็ขอให้ช่วยดึงสติไว้

สำหรับการออกหมายจับแกนนำในการชุมนุมสถานที่ต่างๆ ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ออกหมายจับไป 15 ราย และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ออกหมายจับไป 6 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้สองมาตรฐาน แต่พิจารณาจากการกระทำที่เลยเถิดเกินไป มีการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนออกหมายจับ ส่วนการจับกุมเมื่อไหร่ก็ต้องดูในสถานการณ์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ส.ค. นั้น ยังอยู่ระหว่างพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิด

เช่นเดียวกับพล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล(รองโฆษกบช.น.) แถลงว่าบช.น. ขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินคดีและการจับกุมแกนนำจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการดำเนินการ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกาย แจ้งสิทธิ และควบคุมตัวตามกฎหมาย 

ส่วนกรณีการชุมนุมวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมายังไม่มีการออกมาจับกุมแต่อย่างใด