'ทองคำ' พักฐานช่วงสั้น 'กูรู' ฟันธงแนวโน้มขาขึ้น

'ทองคำ' พักฐานช่วงสั้น 'กูรู' ฟันธงแนวโน้มขาขึ้น

“ทองคำ” จัดเป็นสินทรัพย์ยอดฮิตประจำปีนี้ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ทรุดหนักจากการระบาดของ โควิด-19 ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น

หนุนราคาทองพุ่งแรงติดจรวด เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ราคาที่ขึ้นแรงก็มาพร้อมกับความผันผวนที่มากขึ้น เห็นได้จากแรงเทขายหนักๆ ที่มีสลับออกมาเป็นระยะในช่วงนี้ อย่างการซื้อขายเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 ส.ค.) ราคาทองคำในตลาดโลกดิ่งแรง 72.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดซื้อขายที่ 1,927.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังพึ่งจะกลับไปยืนทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปเมื่อวันก่อน

เท่ากับว่าตอนนี้ที่ระดับราคา  2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กลายเป็นแนวต้านสำคัญทางเทคนิคไปแล้ว เมื่อราคาดีดขึ้นไปก็มักจะถูกเทขายลงมา รวมทั้งยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะที่รายการการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้กรรมการส่วนใหญ่จะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก และยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่เฟดยังไม่ได้พูดถึงความจำเป็นในการนำมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control) ออกมาใช้ตอนนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในรอบนี้ เพราะท่าทีของเฟดในการผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดคาดการณ์กันไว้

นอกจากนี้ ยังมีข่าวออกมาว่าคณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนวางแผนที่จะหันหน้ากลับมาเจรจากันอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้าผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ช่วยบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจไปได้บางส่วน ทำให้ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ลดลง

ตลาดต่างประเทศว่าผันผวนแล้ว แต่เมื่อหันกลับมาดูบ้านเราเหวี่ยงยิ่งกว่า เปิดตลาดทรุดหนักทันที 500 บาท ทองคำแท่งขายออก 28,850 บาท ทองรูปพรรณขายออก 29,350 บาท จากนั้นก็ขึ้นๆ ลงๆ สลับไปสลับมาตลอดทั้งวันรวมทั้งหมด 13 ครั้ง ก่อนปิดตลาดราคาลดลงจากวันก่อนหน้า 600 บาท โดยทองคำแท่งปิดตลาดขายออก 28,750 บาท และ ทองรูปพรรณขายออก 29,250 บาท

เห็นสัญญาณแบบนี้แล้วไม่แปลกใจเลยที่บรรดากูรูต่างมองตรงกันว่า แม้ภาพรวมราคาทองคำปีนี้ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ความผันผวนก็จะมากขึ้นเช่นกัน เพราะขึ้นมาเยอะมากกว่า 40% เมื่อพิจารณาจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดังนั้น ในทางเทคนิคมีโอกาสปรับฐานได้ทุกเมื่อ

ส่วนในทางพื้นฐานราคาทองคำปีนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นสำคัญ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยากคาดเดา เนื่องจากยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีนป้องกัน ยังไม่มีใครรู้ว่าจะหายไปเมื่อไหร่ หรือ จะเกิดการระบาดรอบใหม่หรือไม่?

แต่ไม่ว่าจะออกไปทางไหนล้วนส่งผลต่อราคาทองคำทั้งสิ้น เห็นได้จากสัปดาห์ก่อนเมื่อมีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของรัสเซีย ทำให้ราคาทองร่วงกระหน่ำจนหลุด 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เมื่อข่าวเริ่มซาก็มีแรงไล่ซื้อกลับขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะมาถูกขายในรอบล่าสุด

ดังนั้น ใครที่อยากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ตั้งรับกับความผันผวนที่มากขึ้น จากราคาที่เหวี่ยงแรงเหลือเกิน อาจใช้จังหวะที่ปรับฐานหนักๆ เข้าไปทยอยซื้อเก็บเล็กผสมน้อย หรือ เล่นเป็นรอบๆ ไป เพราะภาพทั้งปียังน่าเป็นขาขึ้น ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้จริง ก็เท่ากับว่าความเสี่ยงยังไม่หมดไป

อย่าง “โกลด์แมน แซคส์” พึ่งจะปรับเป้าหมายราคาทองคำโลกปีนี้จาก 2,000 ดอลลาร์ต่ออนซ์ เป็น 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากแปลงกับมาเป็นเงินบาทก็น่าจะอยู่แถวๆ 34,000 บาท กันเลยทีเดียว..... แต่จะแม่นหรือไม่คงต้องรอติดตามกันดู