“หัวเว่ย” จุดพลุ “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม” หนุนองค์กรจัดทัพหลังยุคโควิด

“หัวเว่ย” จุดพลุ “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม” หนุนองค์กรจัดทัพหลังยุคโควิด

5จี และ ไอโอที กำลังเปลี่ยนโครงสร้างระบบไอซีทีพื้นฐานองค์กรธุรกิจอย่างสิ้นเชิง

การแพร่ระบาดโควิด-19 จุดประกายให้อุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคใหม่ของการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล สื่อให้เห็นถึงความแข็งแกร่งตลาด และศักยภาพการเติบโตที่เข้มแข็ง โครงสร้างไอซีทีเพื่ออนาคตที่ยืดหยุ่น ช่วยธุรกิจองค์กรรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝันได้รวดเร็ว และช่วยปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจได้อย่างทันท่วงที

การประชุมผ่านทางออนไลน์ “Huawei APAC Enterprise Digitalization Summit” ภายใต้หัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลเพื่อเสริมศักยภาพการปรับตัวของธุรกิจองค์กร” ที่หัวเว่ยจัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มีผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมและผู้นำความคิดจากทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเข้าร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมไอซีที เช่น 5จี, คลาวด์ และเอไอ ที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลของธุรกิจองค์กร พร้อมเสริมศักยภาพในการปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคหลังโควิด-19

“แซนดร้า อึ้ง” รองประธานกลุ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น หรือไอดีซี กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างด้านดิจิทัล ไอที รวมถึงโครงสร้างด้านโครงข่าย คือ หนึ่งในเป้าหมายใหม่ทางธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งประธานกรรมการบริหารต่างให้ความสำคัญ สืบเนื่องจากการองค์กรต่างๆ ต้องการเร่งฟื้นฟูธุรกิจ และเตรียมตัวรับมือกับการแข่งขันในยุคนิวนอร์มอล

"เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านนี้ราบรื่น องค์กรจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น และหันมาปรับตัวรับมือความท้าทายทางเทคโนโลยีต่างๆ โดยได้แนะนำวาระทางธุรกิจใหม่สำหรับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างๆ ในภูมิภาค เช่น ความจำเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ที่มีความเชื่อถือได้ การประเมินประสบการณ์ลูกค้า รวมถึงศักยภาพการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะใหม่ๆ"

ข้อมูลจาก ไอดีซี เวิลด์ไวด์ เซมิแอนวล ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น สเปนดิง ไกด์ ระบุว่า ปี 2562 มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและบริการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ การสร้างผลิตภัณฑ์ การบริหารองค์กรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมมูลค่ากว่า 380,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่า การลงทุนในลักษณะนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมการเติบโต 17.4% ภายในปี 2565

ดันเทคโนฯดิจิทัลสู่ทุกแคมปัส

เทคโนโลยี 5จี และไอโอที (IoT) กำลังปลี่ยนโครงสร้างระบบไอซีทีพื้นฐานองค์กรธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันหลายองค์กรกำลังมองหาเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเส้นทางเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล หัวเว่ยในฐานะผู้นำระดับโลกด้าน 5จี และเครือข่ายองค์กร เผยมุมมองต่อการสร้างโครงข่ายแคมปัสที่ครอบคลุมถึงกันอย่างครบวงจร ด้วยการเข้าถึงไอพี ออฟติคอล และ 5จี ที่เชื่อมต่อถึงกัน ตอบสนองความต้องการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัลทางธุรกิจฝนรูปแบบที่แตกต่าง

ดับบลิว.เค. เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย เชื่อว่า เครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างครบวงจร คือ หนึ่งในพื้นฐานที่จะช่วยเป็นกำลังหนุนให้เกิดการเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล โดยทั่วไประบบไอซีทีองค์กร มักมีสององค์ประกอบหลัก คือ ศูนย์ข้อมูลและแคมปัส เช่น กลยุทธ์แคมปัสอัจฉริยะของหัวเว่ย ที่ให้ความสำคัญอันดับแรกกับโครงข่ายที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างครบวงจร และการแยกชั้นแบบแนวดิ่ง (vertical layer decoupling) เครือข่ายอัจฉริยะที่มีเอกภาพและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 5จี จะสามารถนำไปปรับใช้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมากในภาคอุตสาหกรรมแนวดิ่งอื่นๆ

“5จี เอไอ คลาวด์” เร่งสปีดสู่ดิจิทัล

การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 เร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ในหลายองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid cloud) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงกระบวนการ และพิสูจน์ให้เห็นถึงการตอบสนองที่รวดเร็ว

“โซลูชั่น เอไอ ครบวงจรของหัวเว่ย คลาวด์ ถูกนำไปใช้กับระบบการผลิตหลักๆ หลายระบบ เพื่อเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีเอไอไปใช้อย่างกว้างขวางในทุกภาคอุตสาหกรรม เป็นเส้นทางสมบูรณ์แบบ สำหรับเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์องค์กรใหญ่” เอ็ดเวิร์ด เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) หัวเว่ย กล่าวเสริม

ทั้งนี้ หัวเว่ย เชื่อว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะนำไปสู่การผสานกันของเทคโนโลยี 5จี คลาวด์ และเอไอ และด้วยการเชื่อมต่อขั้นพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีคลาวด์ 5จี และอื่นๆ การพัฒนาเทคโนโลยีและแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเอไอ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่