"สมาร์ทซิตี้"เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจกว่า500ล้านบาทต่อปี

"สมาร์ทซิตี้"เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจกว่า500ล้านบาทต่อปี

UTE ร่วมมือ สำนักงานกฎบัตรแห่งชาติ 6 มหาวิทยาลัย และเทศบาล 13 แห่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) และแพลตฟอร์มบริหารจัดการ ส่งเสริมเมืองให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี

โจทย์ของ บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (UTE) คือทำอย่างไรให้เเต่ละวันของการใช้ชีวิตของผู้คนมีคุณภาพที่ดีขึ้น จึงต้องเข้าใจปัญหาและความต้องการของแต่ละเมืองเป็นอันดับแรก แล้วเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อพื้นที่นั้นๆโดยได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารระหว่าง Smart Pole ไปยังเทศบาลโดยใช้สัญญาณสื่อสารแบบ 4G LTE หรือ Fiber optic ที่มีการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management)

โดยฝั่งเทศบาลใช้สัญญาณสื่อสารแบบ Fiber Optic เพื่อรองรับการรับส่งข้อมูลอุปกรณ์ IoTs ระหว่าง Smart Pole และ Platform Management ส่วนกลาง ซึ่งการบริหารจัดการนี้ UTE ใช้แพลตฟอร์ม Maxitask ที่สามารถแสดงผลของสถานะอุปกรณ์ในรูปแบบ Location Base, Dashboard, และสถานะของอุปกรณ์ IoTs ต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บน Smart Pole รวมถึงการปล่อยสัญญาน Free Wi-Fi เพื่อให้บริการประชาชนในการเข้าถึงระบบ Internet

159785109286

พิรชัย เบญจรงคกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด (UTE) กล่าวว่า UTE มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัล และมีความพร้อมสนับสนุนความร่วมมือการพัฒนาประเทศร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เพื่อประโยชน์สูงสุดในการยกระดับทางเศรษฐกิจและการนำไทยสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 

ทั้งนี้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ (Smart Pole) พร้อมแพลตฟอร์มบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ ส่งเสริมเมืองน่าอยู่ ปลอดภัย ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเสาอัจฉริยะจะช่วยยกระดับการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล 

รวมทั้งการบริหารจัดการในระดับเมือง ซึ่งเสาอัจฉริยะจะทำหน้าที่รับส่งข้อมูลอุปกรณ์ระหว่างตัวเสาไปยังแพลตฟอร์มส่วนกลางของเทศบาล สามารถแสดงผล ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมถึงความสามารถอัจฉริยะในการป้องกันภัยและเตรียมความพร้อมรับมือต่อสถาณการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่

"บริษัทให้ความสำคัญกับระบบควบคุมจัดการแบบรวมศูนย์เมืองอัจฉริยะตามความต้องการของแต่ละเมือง และแผนปฏิบัติการให้ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง ความปลอดภัย การศึกษา และการดูแลสุขภาพ ที่จะช่วยให้แต่ละเมืองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามผลลัพธ์ที่ต้องการ และรองรับการขยายตัวขอเทคโนโลยีที่จะเข้ามาในอนาคต"รองกรรมการผู้จัดการ(UTE) กล่าว

159785109475

ขณะที่ สำนักงานกฎบัตรแห่งชาติ (National Charter) ซึ่งก่อตั้งโดยโครงการพัฒนากลไกเชิงพื้นที่ในการพัฒนาเมือง โดยการออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาดเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจและสังคม ระยะที่ 2” สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ย่านอัจฉริยะและพื้นที่โดยรอบจะปรับเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าเท่าตัว ภายหลังจากการลงทุนทั้งสี่ขั้นตอน หรือคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นในย่านอัจฉริยะและพื้นที่โดยรอบไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี นับจากการลงทุนตามขั้นตอนเสร็จสิ้น 

โดยจะมีลงนามร่วมกันระหว่างสมาคมการผังเมืองไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (UTE) พร้อมด้วย 13 เทศบาล ประกอบด้วย เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครนครสวรรค์ เทศบาลนครอุดรธานี เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครระยอง เทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองป่าตอง เทศบาลเมืองกระบี่ เทศบาลเมืองหัวหิน เทศบาลเมืองทุ่งสง เทศบาลเมืองชุมแพ และเทศบาลแก่งคอย

"ฐาปนา บุณยประวิตร”กรรมการและเลขานุการกฎบัตรแห่งชาติ อธิบายว่าการพัฒนาย่านอัจฉริยะให้เป็นพื้นที่ต้นแบบว่ากฎบัตรเมืองอัจฉริยะคาดหวังในการใช้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการปรับปรุงระบบกายภาพ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และสาธารณูปโภคของเทศบาล เพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) อันเป็นต้นทางของการสร้างเมืองสุขภาพ (Healthy City) และเมืองเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน (Sustainable City)

โดยข้อตกลงร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรประชาชน จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการลงทุนทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมทั้ง การฟื้นฟูชุมชนให้มีศักยภาพในการรองรับความเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การเป็นเมืองที่ยั่งยืน

ถือเป็นประโยชน์และมิติใหม่ในการสร้างแนวทางการพัฒนาร่วมกัน รวมถึงการวางแผนปฏิบัติการวิจัยพัฒนาเมืองและการปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของเทศบาล ชุมชน และพื้นที่ศึกษาอื่นๆ ที่ได้วางแผนไว้ภายใต้เจตนารมณ์กฎบัตรแห่งชาติ (National Charter) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ (New Urban and Economic Development Platform)

159785109050

ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นกลไกในการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันโดยรวมให้กับประเทศ ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้มีเป้าหมาย 4 ข้อ ได้แก่ 1. สนับสนุนการตกลงร่วมกันของทุกภาคส่วนของสังคมในการพัฒนาเทศบาลเป็นพื้นที่นำร่องพัฒนาเป็นย่านอัจฉริยะ

2.ร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวคิดด้านการพัฒนาด้านกายภาพ โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค 3. ส่งเสริมย่านอัจฉริยะเพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และ 4. สร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนาฐานข้อมูล เพื่อการวิจัยและนำไปปฏิบัติใช้ให้สำเร็จลุล่วง

“ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ 4 เทศบาลคาดว่าทั้งหมดจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในกลางปี 64 และเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่าแห่งละ 500 ล้านบาทอย่างแน่นอน”กรรมการและเลขานุการกฎบัตรแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้าย