‘บราเดอร์’ ปรับโฉมองค์กรดันยอดขาย

‘บราเดอร์’ ปรับโฉมองค์กรดันยอดขาย

เดินหน้าพัฒนาระบบงานภายใน-ทีม ชูแนวคิดรวมเป็นหนึ่ง พร้อมปรับเคพีไอใหม่ หวังดันยอดขาย ปูทางเติบโตอย่างยั่งยืน

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ต่อยอดความสำเร็จแนวคิด “Brother ASEAN ONE BODY” ที่พัฒนาขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอมรวมสำนักงานสาขาของบราเดอร์ใน 6 ประเทศภูมิภาคอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว ในตลาดประเทศไทยภายใต้โปรเจคที่ชื่อว่า “Brother ONE”

ทั้งนี้ มุ่งพัฒนาทีมสู่ความเป็นหนึ่ง ด้วยการพัฒนา Brother Agile Team ที่รวมตัวแทนพนักงานบราเดอร์จากต่างแผนกเพื่อร่วมกันเฟ้นหา ปรับปรุง และพัฒนาการทำงานสู่ความเป็นเลิศด้วยแนวทางใหม่ๆ ที่ดีกว่า นำร่องด้วย 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการมุ่งเน้นเสริมศักยภาพด้าน Operation improvement, โครงการ CRM Database Center การบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และโครงการพัฒนาสวัสดิการพนักงานบราเดอร์ให้ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานอย่างแท้จริง 

อาทิ การเพิ่มสวัสดิการให้แก่ครอบครัวพนักงาน จัดตั้งงบพิเศษให้พนักงานดูแลเรื่องสุขภาพ ซึ่งทั้ง 3 โครงการที่ทำนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณมากกว่าปกติแต่อย่างใด เพียงแต่แบ่งการจัดสรรใหม่ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้การบริหารจัดการและการรับฟังจากพนักงาน เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น

สำหรับ Brother Agile Team ถือเป็นแนวทางการทำงานของบราเดอร์ยุคใหม่ พัฒนาขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นเพื่อช่วยให้ทำงานได้เร็ว มุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารกันในทีมให้มากขึ้น กล้าที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้จากผลที่เกิดขึ้น พร้อมปรับปรุงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เริ่มจากจุดเล็กๆ ทดลองให้แน่ใจก่อนที่จะขยายผลต่อไปในจุดที่ใหญ่ขึ้น 

ด้านการทำงานทำให้บราเดอร์เริ่มปรับระบบการกำหนดเคพีไอใหม่ โดยให้ 60% พุ่งเป้าไปที่ยอดขายของบริษัท ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 นี้เริ่มปรับเกณฑ์การกำหนดเคพีไอให้ทุกแผนกมีเป้าหมายเดียวกันคือยอดขายที่เติบโต 

ปัจจุบัน บราเดอร์ เริ่มขยายผลจากเป้าหมายการพัฒนาภายในองค์กรสู่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ของบราเดอร์ ที่ชัดเจนคือกลุ่มตัวแทนจำหน่าย เชื่อว่าโปรเจคบราเดอร์วันจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญขององค์กร 

โดยเฉพาะท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าองค์กรที่แข็งแกร่งแบบองค์รวมเท่านั้นที่จะเดินหน้าต่อได้ การเตรียมความพร้อมขององค์กรที่แข็งแกร่งจากภายในเพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ภายนอกจึงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด