sideway

sideway

ดัชนีวานนี้ปิดบวก 9.20 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค และตลาดยุโรปที่เปิดบวกในช่วงบ่าย

ประกอบกับดัชนีปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่มแบงก์ ขานรับข่าวที่ว่า ธปท.อาจเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์กลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,330.11 จุด (+9.20 จุด) Volume 5.1 หมื่นลบ. ต่างชาติ +530.58 ลบ. TFEX Net +13,314 สัญญา ตราสารหนี้ -2,423 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 66.84 จุด -0.24% กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดทรงตัวที่ระดับ 42.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ นลท.จับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ และการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัส ในวันพุธนี้

+สหรัฐสร้างบ้านพุ่ง 22.6% ในก.ค. ชี้ตลาดบ้านเริ่มฟื้นตัวจากพิษโควิด

+ครม.อนุมัติโครงการ Soft Loan Plus-ปรับมาตรการเดิม เพิ่มโอกาส SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และโครงการประกันรายได้เกษตรกรปี 63/64

-ครม.อนุมัติก.คลังกู้เงินเพิ่ม 2.14 แสนล้านบาท ทำให้ปีงบประมาณ 63 กู้เงินเต็มเพดาน 6.83 แสนล้านบาทส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับขึ้นสู่ 54% GDP ปี 64 แต่ไม่เกิน 60% ต่อ GDP

-ปัจจัยการเมืองไม่แน่นอนครม.ไม่ส่งร่างแก้ไขรธน.ฉบับของรัฐบาล เปิดทางแต่ละพรรคดำเนินการเอง

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 12.29 จุด +0.36%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 45.67 จุด -0.20% เช้าเปิด -53.15 จุด เหตุเยนแข็งถ่วงหุ้นส่งออก

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.35 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.16 บาท/US

*จับตาศบค.เศรษฐกิจประชุมนัดแรก  ธปท.เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ส่วนสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และ FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 28-29 ก.ค.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน ประกอบกับติดตามความคืบหน้ากรณีพบชาวมาเลเซียติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศไทย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,338 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

BGC มุมมองบวกต่อผลประกอบการ 3Q63 ซื้อ Bloomberg Consensus 11.45 บาท

- รายงานกำไร 2Q63 ที่ 80 ลบ. -4%YoY โดยกำไรถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลง 20%YoY สู่ 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากขวดแก้วในผลิตภัณฑ์กลุ่มเบียร์ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 15% สู่ 20% เนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าในเวียดนามที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 57% ขณะที่ธุรกิจผลิตขวดแก้วต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 30%YoY

- คาดผลประกอบการ 3Q63 เติบโตตามยอดคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มเบียร์กลับมาหลังคลายล็อกดาวน์และคาดว่าร้านค้าต่างๆ จะ re-stock ผลิตภัณฑ์กลุ่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ค่าก๊าซธรรมชาติมีโอกาสปรับตัวลงต่อใน 2H63 ตามราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวลง นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาลงทุนในธุรกิจแพกเกจจิ้งอีก 2 แห่งภายในปี 63 เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการเพิ่มเติม

- ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และทั้งธุรกิจผลิตขวดแก้วและโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ อีกทั้งมีโอกาสเติบโตจากการเข้าซื้อธุรกิจใหม่ จึงแนะนำ ซื้อ Bloomberg Consensus 11.45 บาท

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากความคืบหน้าด้านวัคซีน (AOT MINT ERW CENTEL VRANDA SPA SHR)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังจีนพบไก่แช่แข็งนำเข้าจากบราซิลปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 (GFPT CPF TFG)

หุ้นมีข่าว

(+) PTT (Bloomberg Consensus 42.72 บาท) BANPU (Bloomberg Consensus 6.36 บาท)  PTT จับมือ BANPU ร่วมลุยธุรกิจ LNG คาดสรุปรูปแบบชัดเจนปลายปีนี้ พร้อมอัดงบขยับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า ตั้งกำลังผลิตพลังงานทดแทน 8,000 เมกะวัตต์ใน 10 ปีข้างหน้า ฟาก PTTGC ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรเคมีฟื้น! เร่งปิดดีลเจรจาพันธมิตรรายใหม่ที่จะร่วมลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SSP (Bloomberg Consensus 8.95 บาท)  เดินหน้าขยายลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่อีก 200 เมกะวัตต์ หนุนเป้ากำลังผลิตรวมพุ่ง 400 เมกะวัตต์ใน 3-5 ปีข้างหน้า พร้อมยันไม่มีแผนเพิ่มทุน แต่เล็งชงบอร์ดออกวอร์แรนต์ เพื่อระดมทุนรองรับการลงทุนโครงการใหม่  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TPOLY (Bloomberg Consensus - บาท) คว้างานก่อสร้างอาคารกายวิภาคทางคลินิก สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล มูลค่า 749 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน มั่นใจแบ็กล็อกปีนี้พุ่ง 4,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะพิเศษ (Soft Loan Plus) โดยหลักการสำคัญของโครงการนี้คือเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก.ซอฟต์โลน) ได้มากขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MGT (ราคาเหมาะสม 2.66 บาท) ส่งสัญญาณผลงานทั้งปีมีลุ้นทำนิวไฮ หลังกวาดกำไรครึ่งปีแรก 71.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.84% ได้บริษัทย่อยหนุน ฟากบิ๊ก "วิทยา อินาลา" เดินหน้าผนึกพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น คาดชัดเจนไตรมาส 4 นี้ ส่องทิศทางรายได้วิ่งฉลุย 850 ล้านบาท ยิ้มรับออเดอร์เดือนสิงหาคมเข้าสู่ภาวะปกติ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CSS (ราคาเหมาะสม - บาท)  ฉายภาพธุรกิจครึ่งปีหลัง 2563 สดใสต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ด้านผู้บริหาร "สมพงษ์ กังสวิวัฒน์" เผยพร้อมเดินหน้าลุยประมูลงานใหม่ๆ หวังปั๊มผลงานโตแข็งแกร่ง ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท วันที่ 11 กันยายน 2563 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) UAC (Bloomberg Consensus - บาท) จ่อบุ๊กกำไรจากเงินปันผล 71.78 ล้านบาท จากบริษัทร่วมทุน BBF ในอัตรา 85 บาทต่อหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% ในไตรมาส 3/2563 "ชัชพล ประสพโชค" ชี้การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล B10 ของภาครัฐ หนุนดีมานด์น้ำมันดีเซลในครึ่งหลังของปี 2563 พุ่งสูงขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BIZ (Bloomberg Consensus 4.89 บาท) เซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องเร่งอนุภาคพลังงานสูง กับโรงพยาบาลภาครัฐ 2 แห่ง มูลค่ารวม 340.60 ล้านบาท หนุนงานในมือรอรับรู้รายได้ทะลุ 1,855 ล้านบาท ด้านบอสใหญ่ "สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์" เผยทิศทางครึ่งปีหลังโตต่อ เดินหน้าประมูลงานใหม่เพียบ (ที่มา ทันหุ้น)

STGT Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม IAA consensus 103 บาท)

ธรุกิจถุงมือยางยังเติบโตดีทั้งราคาและปริมาณขาย  ราคาใน Q4 เพิ่มจาก Q3 อย่างน้อย 12% ซึ่งจะเป็น benchmark สำหรับราคาขายในปีต่อไป ผู้บริหารเชื่อว่า demand ถุงมือยางยังมีต่อเนื่อง เป็น new normal  ไม่มีคนยกเลิกออร์เดอร์เลย  แม้มีข่าววัคซีนจะมา  ปัจจุบันมีUtilization Rate 95%

กำลังการผลิตจะบรรลุเป้า 70,000 ล้านชิ้นเร็วขึ้น 2 ปีในปี 2026 จากเดิม 2028 อนาคตจะมีโรงงานเพิ่มอีก 7 โรงงานในภาคใต้ ที่สุราษฏฎร์ฯ  2 แห่ง สงขลา 2 แห่ง ชุมพร 1 แห่ง และ ตรัง 2 แห่ง ๊

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานในอนาคต จากความต้องการใช้ถุงมือยางยังมีอยู่สูง แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังคาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PE 52 เท่า เทียบกับ PE กลุ่ม 46 เท่า และ PE ตลาด 22 เท่า ราคาล่าสุดลดลง 23%MTD แนะนำ ทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว