หุ้นสหรัฐปิดบวกส่วนใหญ่ 'ดาวโจนส์' ร่วง 66 จุด

หุ้นสหรัฐปิดบวกส่วนใหญ่ 'ดาวโจนส์' ร่วง 66 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสานในวันอังคาร (18 ส.ค.) โดยอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น ดาวโจนส์ ซึ่งเป็นดัชนีเดียวที่ลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าการเจรจาออกมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ของคองเกรส ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ลดลง 66.84 จุด (0.2%) ปิดที่ 27,778.07 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 7.79 จุด (0.2%) ปิดที่ 3,389.78 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 81.84 จุด (0.7%) ปิดที่ 11,210.84 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 34 ในปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่าง ๆ

สหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือหัวเว่ยเพิ่มอีก 38 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ 152 แห่ง โดยสหรัฐมองว่าหัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีสหรัฐ

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

ขณะเดียวกัน นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ เผยกับซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ว่า เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการเปิดธุรกิจอีกครั้ง แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้สภาคองเกรสที่กำลังเจรจาเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 เร่งทำอะไรมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กปิดทำนิวไฮ ได้แรงหนุนจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ โดยวอลมาร์ทเปิดเผยยอดขายออนไลน์ในสหรัฐ พุ่งขึ้น 97% ในไตรมาส 2 ขณะที่โฮม ดีโปท์ เปิดเผยยอดขายในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นกว่า 23%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีแนสแด็กปิดทำนิวไฮ โดยหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 4.09% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.61% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.58% หุ้นเฟซบุ๊ค เพิ่มขึ้น 0.45% หุ้นแอ๊ปเปิ้ล บวก 0.83%

นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ในวันพุธ (19 ส.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด