'เบลารุส' ประท้วงใหญ่ ปธน.กร้าวไม่ลาออก

'เบลารุส' ประท้วงใหญ่ ปธน.กร้าวไม่ลาออก

ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านของเบลารุสหลายหมื่นคน ประท้วงครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่กรุงมินสก์ หลังประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แถลงกร้าว ปฏิเสธไม่ยอมลาออก

เมื่อวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) ฝูงชนเดินขบวนบนท้องถนนมุ่งหน้าสู่จัตุรัสอิสรภาพกลางกรุงมินสก์ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีประเมินว่า จำนวนผู้เข้าร่วมมากกว่า 100,000 คน ตัวเลขระดับนี้ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่เบลารุสแยกจากสหภาพโซเวียต

เว็บไซต์ข่าวอิสระTut.by เรียกการประท้วงครั้งนี้ว่า “ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์เอกราชเบลารุส”

การประท้วงครั้งนี้เป็นไปตามเสียงเรียกร้องของสเวตลานา ติคานอฟสกายา ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ต้องหนีไปอยู่ลิทัวเนีย หลังจากยื่นหนังสือคัดค้านผลการเลือกตั้งจนถูกควบคุมตัวนาน 7 ชั่วโมง 

บรรยากาศการชุมนุมฝูงชนคลาคล่ำราวคลื่นมนุษย์บริเวณจัตุรัส ชูสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ถือดอกไม้ และลูกโป่ง บ่งบอกถึงการชุมนุมโดยสงบอย่างที่เป็นมาตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมทั้งถือป้ายเขียนข้อความ เช่น “คุณไม่สามารถล้างเลือดออกได้” “ลูคาเชนโกต้องมีคำตอบเรื่องการซ้อมทรมานและเสียชีวิต”

159772268218

เยคาเทรินา กอร์บินา ผู้จัดการฝ่ายเนื้อหาวัย 26 ปี ระบุ “ตอนนี้เรากำลังเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ผู้คนไม่เคยลืมว่าเคยเกิดเหตุนองเลือด” 

ขณะที่ดาร์ยาคุกตา คุณแม่ลูก 6 วัย 39 ปี เชื่อว่า “เบลารุสยุคใหม่กำลังเริ่มตั้นขึ้น ดิฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาตนเอง”

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เมืองใหญ่อื่นๆ ก็มีการประท้วงเช่นกัน ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวเบลารุสลงถนนมากขึ้นทุกขณะ เพื่อประณามชัยชนะของลูคาเชนโก ที่ถูกกล่าวหาว่าโกงเลือกตั้งจนชนะถึง 80% เมื่อประชาชนประท้วงตำรวจปราบจลาจลใช้กำลังรุนแรงปราบปรามประชาชน และทำร้ายผู้ถูกจับกุม

รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ของรัฐเรียกการประท้วงครั้งนี้ว่า “การประท้วงทางเลือก” โดยเผยแพร่ภาพการประท้วงเพียงเล็กน้อย และไม่เผยแพร่ภาพป้ายเขียนข้อความต่อต้านลูคาเชนโกเลย

ส่วนที่นอกประเทศมีความเคลื่อนไหวเช่นกัน ประชาชนชาวเช็กและเบลารุสหลายร้อยคน รวมตัวกันที่ศูนย์ประวัติศาสตร์ในกรุงปราก เมืองหลวงสาธารณรัฐเช็ก บ้างถือธงชาติแดงขาวของเบลารุส บ้างถือภาพติคานอฟสกายา เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ประท้วงในเบลารุส ที่โรมาเนียและโปแลนด์ก็มีการประท้วงแบบเดียวกันแต่เล็กกว่า

159772277383

ลูคาเชนโก วัย 65 ปี ผู้ใช้อำนาจเด็ดขาดปกครองเบลารุสมา 26 ปี กำลังเผชิญความท้าทายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในวันอาทิตย์ก่อนประชาชนเดินขบวน เขาปราศรัยที่จัตุรัสอิสรภาพต่อหน้าผู้สนับสนุน

“ผมเรียกคุณมาที่นี่ไม่ได้ให้มาปกป้องผม แต่เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีขอให้คุณปกป้องประเทศและอิสรภาพของประเทศ การเลือกตั้งถูกต้องชอบธรรม เราต้องไม่ทรยศประเทศ”

สถานีโทรทัศน์ของรัฐรายงานว่า ประชาชนร่วมฟังคำปราศรัยของประธานาธิบดี 65,000 คน ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าเกือบ 10,000 คน

ไม่เพียงแต่แรงกดดันบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แรงกดดันจากต่างประเทศก็ตามมาด้วย ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นชอบร่างเป้าหมายการคว่ำบาตรรอบใหม่ ลูคาเชนโกจึงติดต่อรัสเซีย พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเบลารุส

รัฐบาลมอสโกประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือทางทหารถ้าจำเป็น

ระหว่างที่หารือกันทางโทรศัพท์ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย กล่าวกับลูคาเชนโกว่า รัสเซียพร้อมให้ความช่วยเหลือที่ต้องการ รวมถึงในกรณีที่จำเป็นจะใช้ “ซีเอสทีโอ” พันธมิตรทางทหารระหว่าง 6 รัฐอดีตสหภาพโซเวียต

สถานีโทรทัศน์อาร์ที ที่ได้เงินสนับสนุนจากทำเนียบเครมลิน รายงานว่า ซีเอสทีโอใช้ในกรณีที่มีภัยคุกคามทางทหารจากภายนอก

159772272250

ชนวนประท้วงในเบลารุสมาจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ลูคาเชนโกชนะถล่มทลายด้วยคะแนน 80.1% ทำให้ ติคานอฟสกายา ผู้นำฝ่ายค้าน วัย 37 ปีซึ่งได้คะแนนเสียงไปเพียง 10.12% กล่าวหาฝ่ายรัฐบาลว่าฉ้อโกงการเลือกตั้ง และว่าหากมีการนับคะแนนอย่างถูกต้องเธอจะได้คะแนน 60%-70%

เมื่อประชาชนประท้วงตำรวจต้องปราบปรามอย่างรุนแรง ประชาชนถูกจับกุมกว่า 6,700 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน และเสียชีวิต 2 คน

ติคานอฟสกายา เรียกร้องให้ชาวเบลารุสประท้วงทั้งประเทศเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (17 ส.ค.) หลังจากเมื่อวันศุกร์ (14 ส.ค.) แรงงานหลายร้อยคนในโรงงานของรัฐพากันผละงาน เป็นสัญญาณแรกชี้ว่าฐานเสียงดั้งเดิมค่อยๆ เลิกสนับสนุนลูคาเชนโก