พิษโควิดทุบ‘ร้านอาหาร’ ครึ่งแรกขาดทุน100ล้าน

พิษโควิดทุบ‘ร้านอาหาร’  ครึ่งแรกขาดทุน100ล้าน

หุ้นกลุ่มร้านอาหาร 4 บริษัท พลิกเป็นขาดทุน 100 ล้าน ขณะที่มูลค่ารวมหายไปกว่า 2.2 หมื่นล้าน จากผลกระทบของการล็อกดาวน์หลังโควิดแพร่ระบาด

หุ้นกลุ่มร้านอาหาร 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) บมจ.อาฟเตอร์ ยู (AU) บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP) และบมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) ได้รายงานผลประกอบการสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2563 สิ้นสุด 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยทั้ง 4 บริษัท มีผลกำไรสุทธิปรับตัวลดลงทั้งหมด จากที่ทั้ง 4 บริษัทเคยมีกำไรรวมกัน 1.67 พันล้านบาทในครึ่งปีแรก 2563  แต่พลิกมาเป็นขาดทุนสุทธิ 99.72 ล้านบาทในงวดครึ่งปีแรกปีนี้ 

ทั้งนี้  ZEN ผลดำเนินงานปรับตัวลงหนักสุด โดยพลิกขาดทุน ถึง 125 ล้านบาท ลดลง 291.73% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 65.29 ล้านบาท รองมา SNP พลิกขาดทุน 77.79 ล้านบาท ลดลง 188.73% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 87.67 ล้านบาท

ขณะที่ M มีกำไรสุทธิลดลง 93.35% เหลือกำไรเพียง 93.02 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  1,398.26 ล้านบาท   ขณะที่ AU มีกำไรสุทธิ 10.23 ล้านบาท ลดลง 91.67% จากครึ่งปีแรก 2562  มีกำไรสุทธิ  122.84 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยกดดันสำคัญที่แต่ละบริษัทอธิบายถึงสาเหตุที่กำไรลดลงหนัก คือแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศไทยมีการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. ถึงกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แม้ว่าแต่ละบริษัทจะพยายามหันมาขายและให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ แต่รายได้ที่เข้ามานั้นยังไม่สามารถชดเชยส่วนที่ลดลงไปได้ 

นอกจากนี้ แต่ละบริษัทพยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยการลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของพนักงาน และค่าเช่าสถานที่ อย่างกรณี AU ได้ลดพนักงานชั่วคราว และลดจำนวนพนักงานประจำสาขาในช่วงที่ปิดให้บริการ ขณะเดียวกันได้ขอลดค่าเช่าและต่อระยะเวลาการลดไปจนถึงไตรมาส 3 ปีนี้ 

ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัท ต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคาหุ้น ณ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลดลง 10-40% ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของทั้ง 4 บริษัทรวมกันลดลงไปกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท เหลืออยู่ราว 6.2 หมื่นล้านบาท 

นอกจากหุ้นอาหารทั้ง 4 บริษัทนี้ จะเห็นว่าเชนร้านอาหารภายใต้การบริหารของ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (MINT) และบมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ต่างได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยธุรกิจร้านอาหารของ MINT ซึ่งมีหลากหลายแบรนด์ มีรายได้รวมกันลดลงไป 21.12% เหลือ 9.65 พันล้านบาท ขณะที่ร้านอาหารภายใต้ OISHI มีรายได้ลดลง 65.76% เหลือเพียง 630 ล้านบาท

บล.บัวหลวง ระบุว่า ร้านอาหารถูกกระทบอย่างหนัก ถึงแม้ว่าในเดือน มิ.ย. จะมีการฟื้นตัวบ้าง แต่มาตรการ Social distancing ยังคงกดดันยอดขาย โดยที่ยอดขายต่อสาขาเดิม ในเดือน มิ.ย. ที่ลดลง ส่งผลให้ M และ AU มีผลขาดทุนในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดีทั้ง M และ AU ที่มีสถานะเป็นเงินสดสุทธิ ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง และไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่อง