ผบ.ตร.ขยาย 7 วัน ตรวจสอบ 'คดีบอส' อ้างข้อมูลไม่ครบ

ผบ.ตร.ขยาย 7 วัน ตรวจสอบ 'คดีบอส' อ้างข้อมูลไม่ครบ

"จักรทิพย์" เซ็นขยายเวลาสอบสวนคดีบอส อยู่วิทยา อีก 7 วัน เหตุข้อมูลไม่ครบถ้วน ขณะที่ "เพิ่มพูน ชิดชอบ" เผยยังไม่ได้รับหนังสือเข้าเรียกแจง ด้าน "วิชา มหาคุณ" ชี้ ตร.ทำสำนวนบกพร่องทุกจุด ลงวันที่เป็นเท็จ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วานนี้ (17ส.ค.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีขั้นตอนการดำเนินคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา กล่าวว่า ผลการประชุมสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดนี้ ได้ไปถึงมือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าความบกพร่องเกิดขึ้นตรงจุดไหน ขั้นตอนไหน

ส่วนมีใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบในความบกพร่องครั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผบ.ตร.ว่าจะมีการสั่งการอย่างไร ได้รับบทลงโทษมากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าในเร็ววันนี้น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ก่อน ผบ.ตร. จะลงนามตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง ทางกองวินัยจะตรวจทานรายชื่อ ตำแหน่ง และข้อหาผู้ที่ตรวจพบความบกพร่อง โดยคณะกรรมการที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. จะแต่งตั้งขึ้นนั้น จะทำหน้าที่ขยายผลเพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าข้อมูลชุดที่ตนทำเสนอแล้วจะจบแค่เพียงเท่านี้ โดยเป็นการเปลี่ยนถ่ายการตรวจสอบจากชุดของตนไปยังกรรมการชุดที่ผบ.ตร. จะตั้งขึ้นใหม่

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้อนุมัติกรณีคณะกรรมการชุดที่มี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นประธาน ขอขยายเวลาสอบสวนอีก 7 วัน เนื่องจากยังมีประเด็นและข้อมูลบางส่วนยังไม่ครบถ้วน โดยจะครบกำหนดวันที่ 18 สิงหาคม และวันที่ 19 สิงหาคม จะนำข้อมูลส่วนที่เหลือเสนอต่อ ผบ.ตร.

ขณะที่ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจาก นายวิชา มหาคุณ ว่าต้องเข้าไปให้ปากคำเมื่อไร

ทางด้าน คณะทำงานชุดตรวจสอบตำรวจ โดย พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ในคณะกรรมการชุดของนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยาได้เชิญคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ซึ่งดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อมาให้ข้อมูล โดยมีนายวิชา มหาคุณ ร่วมซักถาม ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

ต่อมานายวิชา เปิดเผยว่า ได้สอบทีมงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน หลังไม่เห็นแย้งอัยการ ซึ่งได้คำชี้แจงว่า ดูเฉพาะในสำนวนของตำรวจ ไม่ได้เปรียบเทียบกับสำนวนเดิมว่าแตกต่างกันอย่างไร จึงไม่ได้พบข้อพิรุธ ซึ่งทำตามแค่สายงาน ทั้งที่ความจริงแล้ว ตำรวจสามารถโต้แย้งได้และสอบทวนได้ แต่สรุปแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย

ข้อที่น่าสนใจในวันนี้ คือ คำให้การของ พ.ต.ท.วีรดล ที่ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงเชื่อพยานที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ 2 ปาก ทั้งที่อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ กับ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงให้ยุติคำร้องขอความเป็นธรรม แต่พ.ต.ท.วีรดล ให้ความเห็นว่าเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ

“ที่เป็นปัญหาใหญ่สุดคือ พ.ต.ท.วีรดล ลงวันที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประเด็นความเร็วรถของนายวรยุทธ ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะสอบวันที่ 26 ก.พ. 2559 แค่ 1 ครั้ง แต่กลับไปลงวันที่ 2 มี.ค.2559 ซึ่ง พ.ต.ท.วีรดล ก็ชี้แจงว่า ที่ลงวันที่ไว้ เพราะว่าอัยการเร่งรัด จึงอยากลงวันที่ไว้ล่วงหน้า และคิดว่าจะเรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.วีรดล ให้การแบ่งรับแบ่งสู้ บางอย่างก็ยอมรับ บางอย่างก็บอกไม่ใช่ จึงจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง หลังฟังคำให้การของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์”นายวิชา กล่าว

ทั้งนี้ ตนได้ซัก พ.ต.ท.วีรดล อีกว่า ทราบหรือไม่ว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ พยายามจะขอให้การเรื่องความเร็วใหม่ โดยจะยืนยันที่ 177 กม./ชม.เหมือนเดิม ซึ่ง พ.ต.ท.วีรดล ตอบว่า ขณะนั้นไม่ได้สนใจ เนื่องจากกำลังถูกตรวจสอบอีกคดีหนึ่งอยู่ จึงไม่เป็นอันทำอะไร จึงบอกไปว่า จบแล้ว ทั้งที่จริงยังไม่จบ

เมื่อถามว่า จุดบกพร่องที่เห็น บอกได้เลยใช่หรือไม่ว่าความบกพร่องมาจากตำรวจ นายวิชา กล่าวว่า “ก็ที่ลงวันที่แบบนี้ ลงวันที่เป็นเท็จ ใครเป็นคนทำเล่า ซึ่งก็บ่งบอกว่าพยายามจะทำให้เห็นว่า มีการสอบสวนถึง 2 ครั้ง ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความระมัดระวังอะไรต่ออะไร แต่ทั้งที่จริงแล้ว ใช้ช่วงระยะเวลาสอบเพียงวันเดียว”

เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.อ.วิรดล ยอมรับหรือไม่ว่าบกพร่อง นายวิชา กล่าวว่า “ไม่ใช่เขายอมรับว่าบกพร่อง แต่เขายอมรับว่า ลงวันที่ไม่จริง ซึ่งจุดนี้ไม่ต้องไปสืบเจตนาอะไร แต่เป็นเจตนาของพฤติกรรม ซึ่งเขาบอกว่า เป็นเพราะอัยการเร่งรัดมา เขาเลยอยากจะลงวันที่ไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าจะต้องเรียก พ.ต.ท.ธนสิทธิมาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่ง มันจะได้สมเหตุสมผล”

ส่วนที่มีการปรากฎชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร.ที่พานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. ที่พบว่ามีการปิดห้องคุย ก่อนที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จะกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ จำเป็นจะต้องเชิญมาให้ข้อเท็จจริงหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า หลังจากสืบพยานที่เกี่ยวข้องแล้ว ต้องปรึกษาหารือหลังจากที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เสร็จสิ้น และจะดูอย่างละเอียดว่ามีข้อสังเกตใดหรือไม่ ไม่ได้สักแต่ว่าสอบเรื่อย ๆ แต่จะดูประเด็น และวันนี้ก็เห็นชัดเจนถึงความบกพร่องและความเป็นเท็จของการทำสำนวน ทั้งนี้ในวันที่ 18 ส.ค.จะเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจง