เดอะมอลล์ชู‘เอไอ’เสริมแกร่ง เจาะประสบการณ์ช้อปรายบุคคล

เดอะมอลล์ชู‘เอไอ’เสริมแกร่ง  เจาะประสบการณ์ช้อปรายบุคคล

การเปิดประตูต้อนรับนักช้อปด้วยแนวทางเดิมๆ ไม่เพียงพอสำหรับโลกยุคหลังโควิด!  ต่อการเดินหน้าพลิกโฉม “รีเทล” สร้างมิติใหม่ให้ศูนย์การค้าแห่งอนาคต

แม้เวลานี้ธุรกิจค้าปลีกประเทศไทยยังไม่ฉายภาพล้มหาย ทยอยปิดกิจการ เหมือนฝั่งตะวันตก แต่ เทคโนโลยี ดิสรัปชัน ทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว เป็นปัจจัยเร่ง! ให้ผู้ประกอบการไม่อาจขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์แบบเก่าได้อีกต่อไป 

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า เดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และ บลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ กล่าวว่า ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ของกลุ่มเดอะมอลล์ มุ่งนำเทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์การชอปปิงรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า ภายใต้กลยุทธ์ "Omni Channel Retailers" ตามแผนยุทธศาสตร์ "ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน" เป็นตัวช่วยในการวางแพลตฟอร์มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้มากที่สุด ครบทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ชอปปิงได้แบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience) ตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่ผ่านมา เดอะมอลล์ ใช้เทคโนโลยีจาก ไอบีเอ็ม สร้างประสบการณ์การชอปปิงให้แก่ลูกค้า หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี API (Application Programming Interface) ใช้ในการแลกคะแนน หรือ พอยท์เอ็มการ์ด (M Card) แบบเรียลไทม์ ล่าสุดเสริมเทคโนโลยี “IBM Cloud Pak for Data System” เป็นแพลตฟอร์มดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) แบบครบวงจรที่รองรับการประมวลผลผ่านคลาวด์ เพื่อสร้างโปรแกรมชอปปิงแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) พร้อมเชื่อมต่อห้างสรรพสินค้าออฟไลน์และออนไลน์แบบไร้ขีดจำกัด! 

การนำเทคโนโลยีอนาไลติกส์ขั้นสูงและเอไอมาใช้ในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการสร้างประสบการณ์ชอปปิงแบบออมนิแชนแนลเต็มรูปแบบ ที่จะเป็นก้าวต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 จะเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป เกิดเป็น “Now Normal” หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใหม่ในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น วันนี้ลูกค้าส่วนหนึ่งชอบที่จะเลือกดูสินค้าจากบ้าน และใช้บริการ M Chat&Shop ของเดอะมอลล์ในการสั่งและจัดส่งสินค้าผ่านแชทแอพพลิเคชัน 

"เราต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความซับซ้อนขึ้น การวางกลยุทธ์การตลาดจึงจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์เชิงลึกของพฤติกรรมผู้บริโภค สร้างมุมมองเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับรูปแบบการชอปปิงและสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ตอบสนองการใช้ชีวิตวิถีใหม่ที่มีความซับซ้อนขึ้น สอดคล้องวิสัยทัศน์โมเดลใหม่ในโลกธุรกิจรีเทล"

โดยจะมีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการใช้จ่ายของฐานลูกค้าหลัก เอ็มการ์ดที่มีกว่า 4 ล้านราย ลูกค้าเอสซีบี เอ็ม วีซ่า  6 แสนราย และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ โดยเชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น on-premiseหรือคลาวด์อย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้สามารถนำเสนอโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้แบบตอบโจทย์รายบุคคล สร้างประสบการณ์แบบไร้ขีดจำกัดไม่ว่าลูกค้าออนกราวด์ที่มาเดินช้อปในห้างหรือชอปปิงออนไลน์ที่บ้าน หรือใช้สิทธิพิเศษของห้างผ่านสมาร์ทโฟน 

ดังนั้น ระบบหลังบ้านต้อง Integrate กัน สามารถให้มุมมองแบบ Single View และเรียลไทม์! 

จิรยุทธ์ กาญจนมยูร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายไอที กล่าวเสริมว่า เทคโนโลยี IBM Cloud Pak for Data มาพร้อมฟังก์ชั่น IBM Watson Studio รวมถึง “Auto AI” ที่จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลของเดอะมอลล์ สามารถค้นพบโมเดลและมุมมองเชิงลึกจากข้อมูลที่มีได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตัวเอง ด้วยค่าอัลกอริธึมและพารามิเตอร์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 

โฟกัสของธุรกิจค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าต้องเปลี่ยนจากร้านค้าไปสู่ลูกค้ามากขึ้น และไม่ใช่การมองลูกค้าตามเซ็กเมนต์การตลาดเหมือนในอดีต แต่ต้องเป็นรูปแบบ Insights-driven ที่เข้าใจและตอบโจทย์ลงลึกถึงความต้องการและไลฟสไตล์ของลูกค้าแต่ละคน

การนำเทคโนโลยีอนาไลติกส์ขั้นสูงและเอไอมาใช้ในครั้งนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลของเดอะมอลล์ กรุ๊ปเร็วขึ้นถึง 60 เท่า  เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ของวงการค้าปลีกไทยและเป็นตัวช่วยพลิกเกมที่สำคัญสำหรับกลุ่มเดอะมอลล์