คงมุมมองเพิ่มความระวัง SET Index ระยะสั้น ยังระวังการปรับฐานในระดับ 50-100 จุด

คงมุมมองเพิ่มความระวัง SET Index ระยะสั้น ยังระวังการปรับฐานในระดับ 50-100 จุด

ประมาณการกำไรบจ.มีโอกาสถูกกดดันจากแนวโน้ม GDP ไตรมาส 2/63 ที่จะประกาศเช้านี้

(Bloomberg concensus คาด -11.2% QoQ และ -13.0% YoY) ซึ่งตัวเลขที่แย่กว่าคาด อาจสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มผลประกอบการบจ. ซึ่งล่าสุด คาดการณ์กำไรต่อหุ้นของ SET Index ลดลงเหลือ 59.80 บาท (จากต้นปีที่ 103) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ส่งผลให้ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (Earnings Yield Gap: EYG) ปรับลดลง ซึ่งเราประเมินมีโอกาส trigger ให้เกิดการขายทำกำไรในระดับ 50-100 จุด ซึ่งเราได้เริ่มเตือนนักลงทุนถึงความเสี่ยงประเด็นดังดล่าวตั้งแต่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา

ความเสี่ยงเสถียรภาพการเมืองสูงขึ้น หลังการชุมนุมที่นำโดยกลุ่มประชาชนปลดแอกล่าสุดที่ราชดำเนินเมื่อวาน (16 ส.ค.) มีจำนวนผู้เข้าร่วมเกินกว่า 1 หมื่นราย ขณะที่การแถลงของแกนนำยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อ (หยุดคุกคาม, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่, ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่) และยืนยันหลักการต่อต้าน รัฐประหาร รวมถึงรัฐบาลแห่งชาติ โดยไม่พูดถึงข้อเสนอ 10 ข้อเกี่ยวกับการปรับปรุงความสัมพันธ์ของสถาบัน ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ความคิดอยู่ตรงเพิ่มกลางมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสุดท้ายข้อเสนอจะได้รับการยอมรับ หรือจะได้รับการโต้ตอบจากรัฐบาล ความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลที่สูงขึ้น จะมีผลต่อการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงทำให้นักลงทุนชะลอดูสถานการณ์ เป็นปัจจัยลบต่อจิตวิทยาการลงทุน

ยังประเมินปัจจัยภายนอกมีโอกาสทำให้ภาพการลงทุนระยะสั้นผันผวน 1) ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ ล่าสุดยกเลิกการหารือเกี่ยวกับประชุมติดตามความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด 2) แผนการออกพันธบัตรสหรัฐฯ ในช่วง ส.ค.-ต.ค.จำนวน 132 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับจากสงครามโลก ขณะที่ความต้องการประมูล (bid-to-cover ratio) อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสดีดตัวขึ้น และ 3) ค่าเงินสหรัฐฯ มีความเสี่ยงแข็งค่าขึ้นจากระดับขายมากเกิน ซึ่งมีโอกาสกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น

Theme การลงทุนที่น่าสนใจ เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มผลประกอบการดี ได้แก่ 1) กลุ่มอาหาร CPF, TU 2) ประกันภัย TIP, THRE 3) หุ้นปลอดภัย /มั่งคง ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, BCH, TPCH, WHAUP, EASTW 4) หุ้นฟื้นจากจุดต่ำสุด PTTGC, PTT 5) อื่นๆ AP, AI, CKP 6) ธนาคาร เก็งกำไรสั้น  // หุ้นที่ต้องระวัง 1) การเงิน SAWAD, MTC, KTC, AEONTS

ภาพรวมกลยุทธ์ ภาพรวมหุ้นโลกอาจเผชิญการปรับฐานจาก ความน่าสนใจลงทุนในหุ้น (EYG) ที่หดตัวลง การเก็งกำไรยังควรระวังความผันผวนระยะสั้นจากทิศทางค่าเงินสหรัฐฯ ที่มีโอกาสแข็งค่าขึ้น เก็งกำไรสั้นเลือก defensive (สื่อสารและอาหาร) // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CPF, ADVANC, SPALI* / ขายชอร์ต SAWAD (เป้า 42 ตัดขาดทุน 51.50)

แนวรับ 1,320 จุด / แนวต้าน : 1,340-1,350 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐ-จีนเลื่อนเจรจาทบทวนดีลการค้าเฟสแรก สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานตรงกันว่า ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกาและจีนตกลงที่จะเลื่อนเจรจาเพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่กำหนดไว้ในวันนี้(15 ส.ค.) โดยระบุว่ามีความขัดแย้งในเรื่องกำหนดเวลาและต้องการให้เวลาจีนในการซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มมากขึ้น

ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.4% ในเดือนมิ.ย. ได้รับแรงกดดันจากการที่หลายรัฐชะลอการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

AOT – กรมธนารักษ์ลดคาเช่าสนามบินสุวรรณภูมิให้ AOT ลง 50% เหลือ 1.4 พันลบ. (จากเดิมที่ 2.9 พันลบ.) โดยจะพิจารณาเป็นรายปี ไม่ใช่ 3 ปีตามที่ขอมา

ค่าระวางเรือ ดัชนี BDI index วันที่ 14 ส.ค. อยู่ที่ระดับ 1,595 เพิ่มขึ้น 1.14%

ประเด็นติดตาม: 17 ส.ค. – TH GDP 2Q20/ 19 ส.ค. – EU CPI เดือน ก.ค./ 21 ส.ค. – EU manufacturing PMI เดือน ส.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)